พระนางสีลวดีนั้น เห็นว่าลูกสะใภ้ของตนมีความงามปานเทพธิดา หากได้แลเห็นพระโอรสกุสติณเต็มตาก็คงรังเกียจ และหนีไป พระนางจึงออกอุบายหลอกพระนางประภาวดีว่า ตามธรรมเนียมราชวงศ์ ห้ามพระชายาพบหน้าพระสวามีในเวลากลางวันอย่างเด็ดขาดจนกว่าจะตั้งพระครรภ์เสียก่อน พระนางประภาวดีไม่รู้ก็ทรงรับอุบายนั้นไว้
แล้วพระเจ้าโอกกากราชก็ทรงแต่งตั้งให้เจ้าชายกุสติณขึ้นครองราชสมบัติสืบแทน และตั้งพระนางประภาวดีเป็นพระมเหสี โดยทั้งสองต่างยังไม่เคยเห็นหน้ากันในเวลากลางวันเลย เมื่ออยู่ร่วมกันในเวลากลางคืนนั้น รัศมีแห่งพระนางประภาวดีก็ไม่มากพอจะทำให้เห็นพระพักตร์พระสวามีได้
ผ่านไป ๒-๓ วัน พระเจ้ากุสราชก็อ้อนวอนพระมารดา อยากดูหน้าชายาของตน พระมารดาก็บอกให้รอไปก่อน แต่อ้อนวอนหนักเข้า พระมารดาจึงออกอุบายให้พระเจ้ากุสราชไปรอที่โรงช้าง ทำตัวเหมือนคนเลี้ยงช้าง แล้วพระนางจะพาพระนางประภาวดีเสด็จไป
ระหว่างเสด็จดูโรงช้าง พระกุสราชก็หยิบมูลช้างก้อนหนึ่งขว้างไปที่หลังพระนางประภาวดีเพื่อจะได้ให้นางหันมา พระนางประภาวดีทรงกริ้วเป็นอย่างมาก ทูลพระมารดาให้ลงโทษ ฝ่ายพระมารดาก็ทรงปลอบประโลมให้หายกริ้ว
ต่อมาพระเจ้ากุสราชอยากเห็นหน้าพระชายาอีก พระมารดาจึงพาพระนางประภาวดีเสด็จดูโรงม้า พระเจ้ากุสราชก็เอามูลม้าขว้างไปเหมือนเดิม พระนางประภาวดีก็ทรงกริ้วใหญ่ แต่พระมารดาก็ทรงปลอบประโลมเหมือนเดิม
วันต่อมา พระนางประภาวดีทรงใคร่จะได้เห็นหน้าพระสวามีบ้าง จึงทูลบอกแก่พระมารดา แต่พระมารดาก็บอกให้รอไปก่อน พระนางรบเร้าหนักเข้า พระมารดาจึงบอกว่าพรุ่งนี้พระเจ้ากุสราชจะเสด็จเลียบพระนคร ให้พระนางประภาวดีไปแอบดูเอาเอง
วันรุ่งขึ้น พระมารดาก็สั่งให้ พระชยัมบดีอนุชา ทรงเครื่องต้นอย่างกษัตริย์ ประทับนั่งบนหลังช้าง แล้วให้พระเจ้ากุสราชประทับนั่งบนอาสนะข้างหลัง แล้วทรงพาพระนางประภาวดีไปประทับยืนดูที่สีหบัญชร
เมื่อพระนางประภาวดีเห็น ก็สำคัญผิดว่าเราได้พระสวามีที่มีความงามสมควรกันแล้ว ก็ทรงมีพระทัยโสมนัส
ฝ่ายพระเจ้ากุสราช เมื่อทรงทอดพระเนตรขึ้นมาเห็นพระนางประภาวดี พระองค์ก็แสดงอาการยั่วเย้า พระนางประภาวดีไม่พอพระทัย ทูลพระมารดาให้ลงโทษ แต่พระมารดาก็แก้ต่างให้
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
|