ดูแบบคำตอบเดียว
  #96  
เก่า 21-12-2015, 19:49
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,720
ได้ให้อนุโมทนา: 152,086
ได้รับอนุโมทนา 4,418,916 ครั้ง ใน 34,310 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า ปุพเพวะ สันนิวาเสนะ ปัจจุปบันนะ หิเตนะวา เอวันตัง ชะยะเตเปมัง อุปะลังวะ ยะโถทะเกฯ ปุพเพวะ สันนิวาเสนะ คือบุพเพสันนิวาสที่สั่งสมร่วมกันมา เคยเป็นคู่กันมาชาติแล้วชาติเล่า ปัจจุปบันนะ หิเตนะวา ก็คือ เกื้อกูลสร้างประโยชน์ต่อกันและกันจนรักใคร่ชอบพอกันในปัจจุบัน ท่านบอกว่าเหตุนี้แหละที่ทำให้ชายหญิงรักกัน อุปะลังวะ ยะโถทะเกฯ เหมือนดอกบัวที่ขาดน้ำและโคลนไม่ได้

เราต้องชื่นชมพระอริยเจ้าที่ท่านตัดเรื่องพวกนี้ได้ ท่าน เป็นสุดยอดมนุษย์จริง ๆ สุนทรภู่ท่านบอกว่า "อันตัณหาราคะนั้นสาหัส ถ้าใครตัดเสียได้ฉันให้ถอง อุตส่าห์เรียนวิชาหาเงินทอง ก็เพราะของสิ่งเดียวมันเกี่ยวกวน"

ลองนึกดูถ้าคนเราไม่ต้องมีคู่ อยู่คนเดียว ไม่ต้องไปตะเกียกตะกายเอาอะไรมากมายเหมือนปัจจุบันนี้ ถ้ามีคู่ เดี๋ยวก็ต้องมีลูกมีหลานมีเหลน ภาระผูกพันเยอะขึ้น ๆ สุนทรภู่แกเองก็รู้ว่าตัดเรื่องพวกนี้ไม่ได้ จึงได้บอกว่า ถ้าใครตัดได้จะให้ถอง ถ้ามาเกิดสมัยนี้แล้วท้าอย่างนี้ อาตมาจะพาไปให้ถองหลายราย เพราะรู้ว่ามีหลายท่านที่ตัดได้จริง ๆ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-12-2015 เมื่อ 03:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 172 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา