ที่นี้พอถึงเวลาจะไปแล้ว เช่นปรึกษากันอย่างวันนี้ เว้นอีกวันสองวัน ทีนี้เวลาจะไปลาจริง ๆ ครองผ้าขึ้นไปแหละ พอขึ้นไปท่านมองเห็น... ท่านก็ถามว่า ‘จะไปทางไหน ?’
‘ว่าจะไปทางถ้ำพระโน้น ทางบ้านตาดภูวง’
ท่านพูดของท่านไปเรื่อย ๆ ก่อนจนนานพอสมควรแล้วก็เปิดโอกาสให้อย่างนี้ละ เราก็กราบเรียนถามถึงเรื่องการงานภายในวัด
‘ถ้ามีอะไรที่จะจัดจะทำ กระผมก็จะได้ช่วยหมู่เพื่อนทำให้เสร็จเรียบร้อยทุกอย่าง หากว่าไม่มีอะไรก็อยากจะกราบนมัสการปรึกษาพ่อแม่ครูอาจารย์ไปภาวนาสักชั่วระยะหนึ่ง’
ท่านถาม ‘จะไปทางไหนล่ะ ?’
‘คราวนี้คิดว่าจะไปไกลสักหน่อย’ คือตามธรรมดาเราไม่ค่อยไปไกล ไปประมาณสัก ๒๐ – ๓๐ กิโลเท่านั้นล่ะ... ๔๕ กิโล คราวนี้จะไปไกลหน่อย ไปทางอำเภอวาริชภูมิ’
‘เอ้อ...ดี ทางโน้นก็ดี’ ท่านว่า ‘สงบสงัดดี มีแต่ป่าแต่เขาทั้งนั้นแหละ’ ท่านว่า ‘แล้วไปกี่องค์ล่ะ ?’
‘ผมคิดว่าจะไปองค์เดียว’
‘เออ...ดีละ ไปองค์เดียว’ ท่านก็ชี้ไป ‘ใครอย่าไปยุ่งท่านนะ ท่านมหาจะไปองค์เดียว’
(เมื่อถึงวันจะไป) ท่านก็ให้ปัญหาถึง ๔ ข้อ เราไม่ลืมนะ เพราะตามธรรมดาเราขึ้นไปหาท่านไม่ค่อยครองผ้าแหละ เพราะไม่มีผู้คนก็มีแต่พระแต่เณรในวัด ไม่มีใครไปยุ่งกวน สงบสงัด ตอนเช้าจะไปหาท่าน ฉันจังหันเสร็จแล้วก็ขึ้นไป มีแต่ผ้าอังสะเพราะท่านก็ไม่ได้ถืออะไรนี่ มีแต่พวกกันเอง แต่วันนั้นเราครองผ้าไป พอขึ้นไป
‘หึ ! ท่านมหาจะไปไหนนี่ ? จะไม่ไปละมั้ง จะอยู่ด้วยกันนี้ละมั้ง’
เราก็เฉยไม่รู้จะว่าไง สะเทือนใจแล้วนะทีนี้ ทั้ง ๆ ที่ท่านรู้แล้วว่าเราจะลา ก็ตกลงกันแล้วเรียบร้อยแล้ว ท่านยังใส่ปัญหานะ เราก็กึกเลยเชียว นี่ถ้าหากว่าท่านไม่มีเงื่อนไข ครองผ้าขึ้นมาแล้วก็ตามเราจะไม่ลาท่าน เรากลับเลย
ทีนี้ท่านสงสารอยู่ ท่านมีเงื่อนไข พอขึ้นไปกราบแล้วท่านก็คุยไป ไม่ได้ปรารภถึงว่าเราจะไปไหนมาไหนเลย พอนั่งคุยกันเรื่องนั้นเรื่องนี้แล้ว
‘หึ ! อยากจะไปเที่ยวเหรอ’ ท่านว่า
‘ก็คิดว่าอยากจะไปวิเวกภาวนาชั่วระยะกาล’ เราเรียนท่านว่าอย่างนั้น
ท่านนิ่งแล้วให้เหตุผลนะ นิ่งอยู่สักครู่หนึ่งแล้วท่านก็ปรารภมาว่า
‘ถ้าอยู่ก็ได้กำลังใจ
ไปก็ได้กำลังใจ อยู่ดีกว่า
ถ้าอยู่ก็ได้กำลังใจ
ไปไม่ได้กำลังใจ อยู่ดีกว่า
ถ้าอยู่ไม่ได้กำลังใจ
ไปได้กำลังใจ ไปดีกว่า
ถ้าทั้งไปทั้งอยู่
ไม่ได้กำลังใจ ให้อยู่ดีกว่า’
คำพูดของท่านแยกออกมาละเอียดมาก ‘เออ ! ไป’ ท่านว่า
ที่นี้เวลาจะไป ก็จำได้ว่า เดือน ๓ ขึ้น ๓ ค่ำ เราไม่ลืมนะ ก่อนจะไปก็ ‘กระผมไปคราวนี้ คงจะไม่ได้กลับมาร่วมทำมาฆบูชาคราวนี้’ เราก็ว่าอย่างงั้น ไป ๙ วัน ๑๐ วันกลับมา ทางมันไกลนี่ เดินด้วยเท้าทั้งนั้นแหละ
‘เอ้อ บูชาคนเดียวนะ มาฆบูชาคนเดียวจริง ๆ นี่’ ท่านว่าอย่างนั้นแล้ว ชี้เข้าตรงนี้นะ ‘พุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา เป็นมาฆบูชาทั้งนั้นแหละ เอาตรงนี้นะ’
จากนั้นก็ไป ... พอเราไปสัก ๖ – ๗ วันมั้ง ‘เออ ! ท่านมหาไปอยู่ยังไงนา’ ถามถึงเรื่อยนะ
คือท่านพูดเรื่องอะไรเกี่ยวกับเรา พระเณรจะเป็นผู้เล่าเรื่องให้เราฟังหมดนั่นแหละ สำหรับท่านเองเฉยนะ เราก็จับไว้ลึก ๆ ท่านถามถึงเรายังไง เราทราบแล้วเราก็เงียบ คือเป็นอย่างงั้นตลอดมาพ่อแม่ครูอาจารย์มั่น
เพราะฉะนั้น ถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ เราก็ไม่อยากไปจากท่าน เพราะรู้สึกว่าท่านเมตตามากทั้งที่อนุญาตให้ไป แต่ต้องถามถึงเรื่อยว่า ‘หึ ! ท่านมหาไม่เห็นมานะ หลายวันแล้ว’
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-12-2015 เมื่อ 14:05
|