
24-11-2015, 03:51
|
 |
ผู้ตรวจการณ์เว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
|
|
วันที่สมัคร: Jun 2009
ข้อความ: 5,062
ได้ให้อนุโมทนา: 284,214
ได้รับอนุโมทนา 854,777 ครั้ง ใน 13,218 โพสต์
|
|
"ยายกระรอก" บอกว่า เนปาลเคยอยู่ใต้ทะเลมาก่อน
ข้างบนเป็นชานแคบ ๆ ยาว ๆ ไปตามตัวอาคาร แยกออกไปทางซ้ายและขวา พวกเราเลี้ยวไปทางขวามือก่อน ชิ้นแรกที่ตั้งอยู่ทางซ้ายมือถัดจากหน้าต่างฉลุลายแบบเนวารี เป็นซุ้มไม้แกะสลักทรงเหมือนพระขุนแผนบ้านกร่างของเรา แต่ขอบสลักลวดลายนูนต่ำซึ่งถึงจะเริ่มลบเลือนไปบ้างแล้ว แต่ยังสวยสะดุดตา ในซุ้มเป็นรูปหล่อโลหะเล็ก ๆ ของพระสงฆ์ที่ยืนพนมมืออยู่บนแท่น อาตมามองดูโดยรอบแล้ว ไม่เห็นว่ามีป้ายห้ามถ่ายรูป จึงรีบถ่ายเอาไว้ทันที แม่ป๋อมก็เอาอย่างบ้าง ถือคติว่าถ้าผิดก็มีเพื่อนโดนด้วยกัน..!
ช่องถัดมาลักษณะเป็นตู้กระจกติดผนังบานใหญ่ ภายในมีพระพุทธรูปและรูปพระโพธิสัตว์หล่อโลหะ ตลอดจนเทพพิทักษ์ในพระพุทธศาสนา ศิลปะวัชรยานแบบทิเบตอยู่สิบกว่าองค์ ช่องถัดไปตรงกลางเป็นใบหน้าที่ไม่มีลวดลายอยู่ในซุ้มซึ่งหล่อโลหะด้วยกัน แสดงออกถึงความเป็นอนัตตาคือไม่มีตัวตน รอบข้างเป็นพระพุทธรูปและรูปพระโพธิสัตว์ต่าง ๆ เช่นกัน ยกเว้นมุมขวาบนเป็นซากดึกดำบรรพ์ (Fossil) ของหอยงวงช้าง (Nautilus Shell) ที่มาปนอยู่ได้อย่างไรก็ไม่รู้ ?
“เนปาลเคยอยู่ใต้ทะเลมาก่อนเจ้าค่ะ พออนุทวีปอินเดียเลื่อนมาชนเข้า แผ่นดินโดนดันจนโก่งตัวเป็นที่ราบสูงและแนวเทือกเขาหิมาลัย จึงยังมีซากสัตว์ทะเลหลงเหลืออยู่มาก” เจ้าแม่คนสวยทำตัวเป็นมัคคุเทศก์เถื่อน อธิบายเสร็จก็แวบหายเป็นนินจา เพราะกลัวว่าอาตมาจะ “หลังมือ” ให้ โทษฐานที่เป็น “นางฟ้าขี้ฮก” ต่อไปคงต้องเรียกว่า “ยายกระรอก” เพราะหนีไวจริง ๆ..!
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-11-2015 เมื่อ 13:53
|