พระอาจารย์กล่าวว่า "เลี้ยงลูกอย่ารักลูกจนเกินไป รักลูกจนเกินไป เด็กจะไม่คิดพึ่งพาตัวเอง ในเมื่อไม่คิดพึ่งพาตัวเอง ถ้าเกิดไม่มีเราเดี๋ยวเขาจะเอาตัวไม่รอด ต้องให้เขาทำอะไร ๆ ได้ด้วยตัวเองตั้งแต่แรก เลี้ยงลูกแบบลำบากหน่อย อย่าตามบริการมากนัก บางคนลูกไม่กินข้าวแม่นั่งร้องไห้เลย มาถามว่าทำอย่างไรดี ปล่อยให้อดไปสิ ไม่เกิน ๒ วัน รับรองว่าตะกายมาหากินเองแหละ
ที่วัดอาตมาเลี้ยงหมาไว้ตัวหนึ่ง ตอนแรกก็เรียก "คุณนายแสบ" ความแสบซ่ามีตั้งแต่เล็ก ๆ เดินกร่างไปทั่ววัด ท้ายสุดเป็นขี้เรื้อนจนขนแทบจะไม่เหลือสักเส้น จึงหายาไปทาให้ พอหายขึ้นมาก็พอดีเกาะพระฤๅษีไม่มีหมา เลยเอาไปทิ้งไว้ที่นั่น ปรากฏว่าอยู่ไปอยู่มาแม่ชีปุ๊กเขาเอาหมามาเลี้ยงเพิ่ม ตัวมาใหม่เก่งกว่า ไล่กัด ก็เลยอยู่ในเกาะไม่ได้ ต้องหนีมาอยู่ข้างนอก อาตมาไปเจอเข้า จึงอุ้มกลับมาวัดท่าขนุน
คราวนี้เขามาอีกทีโตแล้ว เลยเข้ากับใครไม่ได้ ต้องอยู่หน้ากุฏิเจ้าอาวาสนั่นแหละ แล้วยายนี่กินอะไรก็กินช้ามาก ๆ คาบไปแล้วก็นั่งหมอบค่อย ๆ แทะ มารยาทดีเหลือเกิน ตัวอื่นกินหมดเป็นกาละมังแล้วแม่เจ้าประคุณเพิ่งจะกินไปได้ชิ้นหนึ่ง ก็เลยเรียกว่าคุณนาย พอตอนหลังคงรู้ว่าตัวเองเป็นหมาเจ้าอาวาส ตอนนี้ชักจะยืด ได้อะไรมา ประเภทต้องนั่งคุม ไม่ค่อยยอมกิน อวดตัวอื่นว่ามีของดี ก็เลยเปลี่ยนชื่อเป็น "คุณนายลีลาจัง" ลีลาเยอะจัด
ในเมื่อคุณนายแกลีลาจัง จึงต้องดัดสันดาน โดยการทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้สัก ๒ วัน เดี๋ยวหิวไส้ขาดก็วิ่งมาหาเอง ก็ลักษณะเดียวกับการเลี้ยงลูก ถ้ามัวแต่ไปง้อลูกตอนอิ่มเขาไม่กินหรอก ปล่อยหิวซะให้เข็ด ถึงเวลาก็วิ่งตามมาหากินเอง"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-10-2015 เมื่อ 16:20
|