ในเมื่อตัวเราจะต้องตายอย่างแน่นอน เราก็ต้องทบทวนศีลทุกสิกขาบทให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ ทำความเคารพในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์อย่างจริงใจ ตั้งใจว่าตายเมื่อไรเราขอไปพระนิพพานแห่งเดียวเท่านั้น หลังจากนั้นก็กำหนดดู กำหนดรู้ลมหายใจเข้าออก พร้อมด้วยคำภาวนาของเรา ถ้าหากว่าเราเผลอสติไปคิดเรื่องอื่น หลุดไปจากคำภาวนา รู้ตัวเมื่อไรให้ดึงกลับเข้ามาที่ลมหายใจเข้าออกเสียใหม่ มาอยู่กับลมหายใจและคำภาวนาของเราใหม่
ต้องพยายามต่อสู้กันอยู่ในลักษณะอย่างนี้อยู่ระยะหนึ่ง จนกำลังใจของเราทรงตัวมั่นคงอยู่กับการภาวนา ต่อไปแค่เราคิดอารมณ์ใจก็ทรงตัว กิเลสหยาบต่าง ๆ กินใจของเราไม่ได้ แล้วตั้งใจว่า ขึ้นชื่อว่าการเกิดมามีความทุกข์เช่นนี้สำหรับเราไม่มีอีกแล้ว เราต้องการที่เดียวคือพระนิพพานเท่านั้น
หลังจากนั้นก็เอาใจของเราจดจ่ออยู่ที่พระพุทธรูปองค์ใดองค์หนึ่ง ที่เรารักเราชอบมากที่สุด ว่านั่นคือองค์แทนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่บนพระนิพพาน ถ้าหากเราหมดอายุขัยตายลงไปเมื่อไร เราขอไปอยู่กับพระองค์ท่านที่พระนิพพานแห่งเดียวเท่านั้น ให้รักษาการภาวนา และการกำหนดนึกถึงภาพพระของเราเอาไว้เช่นนี้ จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันศุกร์ที่ ๒ ตุลาคม ๒๕๕๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยทาริกา)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-10-2015 เมื่อ 19:53
|