เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันเสาร์ที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๕๘
ให้ทุกคนขยับตัวนั่งในท่าที่สบายของตน ตั้งกายให้ตรง กำหนดความรู้สึกทั้งหมดของเราอยู่ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า..ให้ความรู้สึกของเราไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก..ให้ความรู้สึกของเราไหลตามลมหายใจออกมา ถ้าเผลอสติไปคิดเรื่องอื่น รู้สึกตัวเมื่อไร ให้ดึงความรู้สึกกลับมาที่ลมหายใจของเราเสียใหม่ จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ ตามที่เราถนัดมาแต่เดิม
วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๔ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๘ จะขอกล่าวถึงการปฏิบัติกรรมฐานของพวกเรา ซึ่งการปฏิบัติกรรมฐานของพวกเรานั้น จำเป็นต้องหวังผล แต่ว่าการหวังผลในการปฏิบัตินั้น ต้องมี วิมังสา คือ การไตร่ตรองทบทวนอยู่เสมอ ๆ ว่าเราทำอะไร ? ทำไปถึงไหน ? ได้ผลมากน้อยเท่าไร ? ยังห่างเป้าหมายใกล้ไกลเท่าไร ? ยังมุ่งไปตรงจุดมุ่งหมายอยู่หรือไม่ ? เป็นต้น
ท่านทั้งหลายที่ปฏิบัติธรรมแล้ว ถ้าไม่รู้จักย้อนกลับไปดูว่า การปฏิบัติแรกเริ่มของเราเป็นอย่างไร บางท่านอาจจะท้อใจ หมดกำลังใจ หรือกลายเป็นท้อถอย อยู่ในลักษณะของไฟหมด ไม่มีอารมณ์ที่จะตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติแบบทุ่มเทอีก
เราจึงต้องดูย้อนหลังไปว่า ก่อนหน้านี้เรามีศีลครบหรือไม่ ? บางท่านอาจจะไม่มีศีลเลยสักข้อหนึ่ง ปัจจุบันนี้อาจจะรักษาได้โดยเด็ดขาด ๑ ข้อบ้าง ๒ ข้อบ้าง ๓ ข้อบ้าง ๔ ข้อบ้าง มีคนที่รักษาบริสุทธิ์บริบูรณ์ได้ทั้ง ๕ ข้อก็ไม่มากนัก เมื่อเปรียบเทียบดูว่าถ้าก่อนหน้านี้เราไม่มีศีลเลย ปัจจุบันนี้เรามีศีลข้อหนึ่ง ก็ถือว่ารักษาศีลได้ ๒๐ เปอร์เซ็นต์ ถ้ามีสองข้อก็ได้ ๔๐ เปอร์เซ็นต์ สามข้อก็ได้ ๖๐ เปอร์เซ็นต์ สี่ข้อก็ได้ ๘๐ เปอร์เซ็นต์ ถ้ารักษาได้ครบถ้วนห้าข้อก็มีศีลครบ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์เต็ม
ถ้าอย่างนั้น เราจะเห็นการเปลี่ยนแปลงในด้านที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน ว่าการปฏิบัติของเราความจริงแล้วมีผล แต่ว่าเป้าหมายของเรา บางทีก็ยิ่งใหญ่และยาวไกลเกินไป ทำให้เราเดินทางแล้วเหมือนกับไม่รู้จักถึงจุดหมายสักที จึงอาจจะเกิดความท้อใจขึ้นมา
ก่อนหน้านี้เราสั่งสมาธิภาวนาได้เท่าไร ? บางทีหายใจเข้าไม่ทันจะหายใจออก ก็คิดฟุ้งซ่านไปคิดเรื่องอื่นเสียแล้ว ตอนนี้เราสามารถที่จะรักษาการภาวนาและลมหายใจเข้าออกของเราได้ ๕ นาที ๑๐ นาที ครึ่งชั่วโมง บางท่านก็ได้เป็นชั่วโมงหรือหลาย ๆ ชั่วโมง นี่ก็แสดงให้เห็นว่าการปฏิบัติของเรามีความก้าวหน้า แต่เราอาจจะใจร้อน ด้วยว่ามีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ มีหนทางที่ยาวไกล ในเมื่อก้าวเท่าไรก็ไม่ถึงสักที ก็เกิดอาการท้อถอยขึ้นมา
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-07-2015 เมื่อ 03:58
|