พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องของวัตถุมงคล เจตนาอันดับแรก ก็คือ เป็นเครื่องระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย  ไม่ว่าจะเป็นคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ก็ตาม  ลำดับที่สอง ก็คือ สร้างศีลและการภาวนาให้เกิดแก่เรา เพราะว่าการที่เราจะใช้วัตถุมงคลให้ได้ผล ถ้าตัวเรายิ่งมีศีลบริสุทธิ์เท่าไร  ก็จะได้รับผลมากขึ้นเท่านั้น และขณะเดียวกันก็มีคำภาวนาที่เป็นคำอาราธนาหรือการปลุกวัตถุมงคลทั้งหลายเหล่านั้น ซึ่งก็คือการภาวนา  ส่วนผลอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่แล้วต้องเรียกว่าเป็นผลพลอยได้เท่านั้น   แต่พวกเรามักจะลืมว่าเจตนาในการที่เราสร้างวัตถุมงคลขึ้นมานั้นคืออะไร  แล้วก็ไปสนใจแต่ผลพลอยได้ซึ่งเป็นส่วนน้อยเท่านั้น ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก 
 
การใช้วัตถุมงคลให้ได้ผลนั้น นอกจากศีลต้องบริสุทธิ์แล้ว อารมณ์ใจยังต้องทรงตัวตั้งมั่นด้วย  ยิ่งมีความศรัทธาแน่นแฟ้น  กำลังใจทรงตัวตั้งมั่นมากเท่าไร อานุภาพวัตถุมงคลก็จะเกิดขึ้นมากเท่านั้น  แต่พวกเราทั้งหลายมักจะเกิดความลังเล  ขณะเดียวกันก็ขี้สงสัย อาจจะมีการรื้อตะกรุดดูอย่างที่กล่าวมา  ถ้าหากถึงขนาดรื้อดู เพื่อที่จะศึกษาและทำตามก็ไม่เป็นอะไร  แต่ถ้าหากรื้อดูด้วยความลังเลสงสัยว่าใช่หรือไม่ใช่ ?  จริงหรือปลอม  ? ท้ายที่สุดต่อให้อานุภาพของวัตถุมงคลยังมีเหมือนเดิม  แต่กำลังใจของเราอาจจะไม่เหมือนเดิม ก็เท่ากับว่าเราเองทำให้วัตถุมงคลนั้นเสื่อมเอง  ก็คือใจเราไม่ได้เคารพนับถือแน่นแฟ้นเหมือนเดิมแล้ว  
 
ฉะนั้น..เรื่องทั้งหลายเหล่านี้จะว่าไปแล้วก็คือ พวกเรายังขาดศรัทธาที่มั่นคง ศาสนาทุกศาสนาเกิดขึ้นจากศรัทธา ถ้าศรัทธาไม่มั่นคง โอกาสที่จะก้าวเข้าไปสู่หลักธรรมชั้นสูงก็เป็นไปได้ยาก"
		 
		
		
		
		
		
		
			
				__________________ 
				........................ 
 
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง 
 จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
			 
		
		
		
		
		
			
				  
				
					
						แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-06-2015 เมื่อ 13:52
					
					
				
			
		
		
		
	
	 |