อีกรายหนึ่งก็คือ หลวงตากวี อายุ  ๗๐ กว่าปีแล้ว ขาของท่านก็ไม่ค่อยดี  อาตมาเคยบอกไปแล้วว่าท่านใดที่อายุ ๖๐ ปีขึ้นไป  อนุญาตให้เกษียณได้ ไม่ต้องออกบิณฑบาต ถึงเวลาไปรออยู่ที่หอฉันได้เลย เดี๋ยวให้พระรูปอื่น ๆ บิณฑบาตมาเลี้ยงเอง   
 
หลวงตากวีท่านไม่ยอมเลิก ยังคงเดินบิณฑบาตอยู่ทุกวันเหมือนกัน ฝนตกก็เปียกเหมือนกัน  แต่หลวงตาเดินสายใกล้วัด  สายใกล้นี่เดินไม่นานแค่ ๒๐ - ๓๐ นาทีก็กลับแล้ว  ถ้าหากจังหวะดี ๆ ก็ไม่เปียก พวกเราเปียกกลับมาแต่ของท่านสบาย 
 
หลวงตาท่านไม่ยอมเลิกออกบิณฑบาต ท่านบอกว่าอายุมากแล้ว ถ้าไม่ได้ออกกำลัง ร่างกายจะทรุดเร็ว ก็เลยยอมเดินบิณฑบาตอยู่ทุกวัน บางทีพระหาย ที่นั่งแหว่ง รู้เลยว่ารูปไหน  ถามว่าไปไหน  บอกว่าไม่สบาย   นั่นยังหนุ่มอายุ  ๒๐  กว่า ๆ เอง ขณะที่หลวงตาอายุ  ๗๐ กว่าแล้ว ยังเดินบิณฑบาตหน้าตาเฉย   
 
กำลังใจของคนต่างกัน  ยุคหนึ่งสมัยหนึ่งกำลังใจก็ลดไปส่วนหนึ่ง  ยุคหนึ่งสมัยหนึ่ง กำลังใจก็ลดไปส่วนหนึ่ง  ความเข้มข้นในการปฏิบัติก็เลยลดน้อยลงไปตามลำดับ  นึกถึงตอนเด็ก ๆ  โดนพ่อแม่ตีเป็นประจำ บอกว่าขี้เกียจ  แต่พอมาถึงสมัยนี้  อาตมาที่พ่อแม่บอกว่าขี้เกียจ เด็กร้องจ๊ากเลย สู้ไม่ไหว  เพราะทำอะไรอาตมาลงไปทำด้วย  พอลงไปทำด้วยทุกท่านก็ต้องไปด้วย แล้วก็ร้องกันว่าไม่ไหว  เลยทำให้เห็นว่ากำลังกาย กำลังใจ กำลังสติปัญญาก็ตาม  รุ่นหลัง ๆ รู้สึกว่าจะยิ่งลดลงไปเรื่อย    
 
ยิ่งสมัยนี้เครื่องทุ่นแรงมีเยอะ  คอมพิวเตอร์ช่วยไปเยอะมาก จะทำอะไรก็ง่ายและสะดวกไปหมด จึงทำให้สมรรถภาพของคนลดลงไปเรื่อย ๆ อย่างในเรื่องความจำ  ยกตัวอย่างเบอร์โทรศัพท์  มีคนถามว่าพระอาจารย์ไม่ได้เก็บเบอร์โทรศัพท์ไว้ในเครื่องมือถือหรือ ?  เลยบอกเขาว่าเก็บไว้แต่อยู่ในนี้ (พระอาจารย์ท่านชี้ไปที่ศีรษะของท่าน)  แล้วเขาก็สงสัยว่าจดจำเบอร์โทรศัพท์ได้หมดอย่างไร ในเมื่อมีเบอร์โทรศัพท์มากมาย ก็จำแค่เบอร์เดียวคือเบอร์ใหม่  เพราะเบอร์เก่าจำได้หมดแล้ว   
 
ขณะที่เด็กรุ่นใหม่  เขาเก็บเบอร์โทรศัพท์ไว้ในมือถือ โทรศัพท์มือถือหายก็หน้ามืดไปเลย  ต้องไปขอเบอร์จากคนอื่น ๆ ใหม่  ของอาตมาถ้าโทรศัพท์มือถือหายก็หายไป  ซื้อเครื่องใหม่แล้วก็กดโทรหาบุคคลที่ต้องการได้เลย     
 
พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า  ยิ่งนานไปสัญญากับปัญญาของคนจะทรามไปเรื่อย ดูแล้วใช่จริง ๆ   ไปมอบความไว้วางใจให้กับเครื่องมือ  เด็กรุ่นหลัง ๆ  ถ้าไม่มีคอมพิวเตอร์ก็ไปไม่เป็น จะทำรายงานอะไรที ค้น "กูเกิ้ล" อย่างเดียว ไม่ค้นหาจากหนังสือกันแล้ว 
 
 
เทศน์ช่วงเย็น  ณ  บ้านอนุสาวรีย์ 
๑ สิงหาคม  ๒๕๕๒
		 
		
		
		
		
		
		
			
				__________________ 
				........................ 
 
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง 
 จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
			 
		
		
		
		
		
			
				  
				
					
						แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-09-2013 เมื่อ 10:29
					
					
				
			
		
		
		
	
	 |