ดูแบบคำตอบเดียว
  #1  
เก่า 15-03-2015, 11:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,395
ได้ให้อนุโมทนา: 157,983
ได้รับอนุโมทนา 4,479,736 ครั้ง ใน 36,004 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันศุกร์ที่ ๖ มีนาคม ๒๕๕๘

ขอให้ทุกคนตั้งกายให้ตรง กำหนดสติหรือความรู้สึกทั้งหมดของเราอยู่ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ ที่เราถนัด ที่เราชำนาญมาแต่เดิม

วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ ๖ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๕๘ เริ่มเข้าฤดูร้อนมาได้ ๒ วันแล้ว การแบ่งฤดูในบ้านเรานั้น ถ้าจะดูแบบง่าย ๆ ก็ดูที่การเปลี่ยนเครื่องทรงของพระแก้วมรกต ซึ่งจะเปลี่ยนเครื่องทรงฤดูร้อนในวันแรม ๑ ค่ำเดือน ๔ เปลี่ยนเครื่องทรงฤดูฝนในวันแรม ๑ ค่ำเดือน ๘ และเปลี่ยนเครื่องทรงฤดูหนาวในวันแรม ๑ ค่ำเดือน ๑๒

คราวนี้ในส่วนของอากาศร้อนนั้น มีผลกระทบต่อนักปฏิบัติ ดังที่ได้กล่าวไปเมื่อก่อนช่วงเจริญกรรมฐาน ถึงสัปปายะ ๗ ประการ ที่ทำให้การปฏิบัติของเราก้าวหน้า ก็คือ สิ่งที่พอเหมาะ พอดีสำหรับการปฏิบัติ หนุนเสริมการปฏิบัติของเรา ส่วนหนึ่ง ก็คือ อุตุสัปปายะ อากาศที่เหมาะสม ไม่หนาวเกินไป ไม่ร้อนเกินไป เป็นต้น

ในช่วงของหน้าร้อนนั้น ส่วนใหญ่พวกเราเมื่อกระทบกับอากาศร้อน ก็มักจะหงุดหงิดง่าย จึงต้องระมัดระวัง ประคับประคองรักษาอารมณ์ใจของเราไว้ให้ดี วิธีรักษาอารมณ์ใจของเราที่ดีที่สุด ก็คือ อยู่กับลมหายใจเข้าออกของเรา ถ้าเราตั้งใจปฏิบัติภาวนา จนสามารถรู้ลมหายใจเข้าออกเองโดยอัตโนมัติ ไม่ต้องบังคับ สภาพจิตกำหนดรู้เอง ภาวนาได้เอง

ถ้าทำถึงตรงนี้ก็แค่เอาสติประคับประคองการรู้นั้นไว้ เท่ากับว่าเราทรงปฐมฌานแบบละเอียด ซึ่งจะช่วยป้องกันนิวรณ์ ก็คือ กิเลสหยาบที่ทำให้ปัญญาของเราถอยหลัง ได้แก่ กามฉันทะ ความยินดีในรูปสวย เสียงเพราะ กลิ่นหอม รสอร่อย และการสัมผัสระหว่างเพศ พยาบาท คือความโกรธเกลียดอาฆาตแค้นบุคคลอื่น ถีนมิทธะ คือความง่วงเหงาหาวนอน ชวนให้ขี้เกียจปฏิบัติ อุทธัจจกุกกุจจะ คือความฟุ้งซ่านหงุดหงิดรำคาญใจ และวิจิกิจฉา ความลังเลสงสัยในผลการปฏิบัติ ว่าจะมีจริงหรือไม่ เป็นต้น

เราจะเห็นได้ว่า ความฟุ้งซ่านหงุดหงิดรำคาญใจนั้น บางทีก็มาจากเรื่องของดินฟ้าอากาศได้ หนาวเกินไป ร้อนเกินไป ฝนตกเฉอะแฉะ ล้วนแต่มีผลกระทบทั้งสิ้น จึงต้องรักษากำลังใจอยู่กับการปฏิบัติภาวนาให้ดี โดยเฉพาะท่านที่เพิ่งจะสามารถกดกิเลสได้ ยังมีกำลังไม่มั่นคงพอ ถึงเวลากิเลสตีกลับก็จะเกิดอาการจิตตก สมาธิตก กรรมฐานแตก ฯลฯ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-03-2015 เมื่อ 13:13
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 52 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา