
ถาม : กรรมนี้เราตัดได้ไหมครับ ?
หลวงปู่ : ตัดไม่ได้ ถ้าเป็นครุกรรม (กรรมหนัก) เช่น อนันตริยกรรม ๕ คือ ฆ่าบิดา ฆ่ามารดา ฆ่าพระอรหันต์ ทำโลหิตของพระพุทธเจ้าให้ห้อ และทำสงฆ์ให้แตกกัน
ถาม : ถ้าเช่นนั้นกรรมอื่นนี้ เราตัดได้ใช่ไหมครับ ?
หลวงปู่ : กรรมอื่น ๆ นั้น เราทำบุญไป ก็หลุดไปมาก แต่ถ้าเป็นครุกรรมแล้ว จะทำบุญขนาดไหนก็ไม่พ้น เหมือนอย่างพระเจ้าอชาตศัตรู ทำบุญไม่รู้เท่าไร แต่เพราะกรรมที่ปลงพระชนม์พระราชบิดา จึงต้องตกนรก หนีไม่พ้น ถ้าเป็นลหุกรรม (กรรมเบา) เราทำบุญมาก ๆ กุศลบุญที่เราทำนั้นอาจจะให้ผลก่อน แต่กรรมเราก็ยังไม่หลุด ถ้าเราทำบุญไปเรื่อย ๆ บางทีเราไปเกิดในกาลที่ไม่มีพระพุทธเจ้า เราก็มีเจตนาทำบุญอยู่เนือง ๆ ผลบุญก็ให้ผลก่อนเรื่อยไป กรรมก็ตามไม่ทัน นี่ลหุกรรมเป็นแบบนี้
เราต้องทำบุญมาก ๆ เรื่องการทำบุญนี้จะติดเป็นนิสัย ถ้าเราเคยทำอยู่ในชาตินี้ เราระลึกถึงบุญอยู่เสมอ บุญนี้ให้ผลเราก่อน กรรมที่ไม่ดีก็ตามมาไม่ทัน เพราะบุญหรือมหากุศลของเรามากขึ้น เพราะฉะนั้น..ก่อนจะทำบุญ เขาจึงให้รับศีล ๕ ก่อน เป็นการทำบุญด้วยศีล ก็ได้ทั้งทานบารมี และศีลบารมี เราปฏิบัติตามรอยพระบาทของพระพุทธองค์ ที่ทรงบำเพ็ญบารมีอยู่ตลอดเวลา แม้เวรกรรมจะตามมาแต่ก็ไม่ชนะ แต่พระองค์ก็ยังได้รับวิบากของกรรมอยู่เหมือนกัน เรื่องกรรมนี้ลึกซึ้ง บางคนไม่เคยเข้าวัด ไม่เคยสนใจในศาสนา พออายุมากขึ้นหันมาเข้าวัด บางทีปฏิบัติดีกว่าคนที่ทำมาก่อนก็มี จิตใจเปลี่ยนไปด้วยกรรมในอดีต บางคนจน พอกรรมหมดไป ก็ได้เอกลาภ มีสมบัติขึ้น มีเงินมีทองขึ้น เพราะฉะนั้น..เรื่องกรรมนี้ เราไม่เชื่อไม่ได้