ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 27-12-2014, 18:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,395
ได้ให้อนุโมทนา: 157,983
ได้รับอนุโมทนา 4,479,638 ครั้ง ใน 36,004 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ส่วนในเรื่องของปัญญานั้นมีหลายระดับด้วยกัน ระดับต้น ๆ ก็แค่รู้สึกตัวอยู่เสมอว่าเราจะต้องตาย ระดับสูงขึ้นไปมากกว่านั้น ก็รู้สึกว่าร่างกายของเราก็ดี ร่างกายของคนอื่นก็ดี มีแต่ความสกปรกโสโครกเป็นปกติ ไม่มีอะไรน่ารักน่าใคร่ สภาพความเป็นจริงที่โจทย์ฟ้องอยู่ตลอดเวลา ก็คือสภาพร่างกายของเรามีแต่ความสกปรก ต้องคอยขัดสีฉวีวรรณ ทำความสะอาดอยู่ตลอดเวลา ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ถ้าไม่ทำความสะอาดสักวัน ๒ วัน ๓ วันเราเองยังทนไม่ได้ แล้วผู้อื่นจะทนได้อย่างไร ?

กำลังใจระดับที่สูงขึ้นมาอีกจะเห็นว่า สภาพร่างกายนี้มีความสกปรกโสโครกเป็นปกติ เราไม่มีความปรารถนาในร่างกายนี้อีก ถ้าหากว่ามีปัญญามากกว่านั้น ก็สามารถที่จะแยกแยะได้ชัดเจนว่า ร่างกายของเราก็ดี ของคนอื่นก็ดี เป็นเพียงธาตุ ๔ คือดิน น้ำ ไฟ ลม ประกอบกันขึ้นมาเป็นรูปร่างชั่วคราว ให้เราได้อาศัยอยู่ มีความเกิดขึ้นในเบื้องต้น แปรปรวนไปในท่ามกลาง สลายไปในที่สุด ไม่มีอะไรที่ยึดถือมั่นหมายเป็นตัวตนเราเขาได้ ก็จะถอนจิตจากความยึดมั่นถือมั่นในสภาพร่างกายของตน ในสภาพร่างกายของคนอื่น ถ้าสามารถที่จะทำอย่างนี้เรามีสิทธิ์ที่จะหลุดพ้นไปสู่พระนิพพาน ถ้าเราใช้ปัญญาลักษณะนี้ จึงจะเรียกได้ว่าเราศึกษาในปัญญาสิกขา ตามที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสสอนเอาไว้

ในส่วนของศีลนั้นเป็นส่วนหนุนเสริมให้สมาธิทรงตัวได้ง่าย เพราะว่าเราต้องใช้สติในการระมัดระวังรักษาสิกขาบทต่าง ๆ จึงเกิดสมาธิขึ้นมาเองโดยอัตโนมัติ เมื่อมีสมาธิขึ้นมาก็จะหนุนเสริมปัญญาให้ชัดเจนแจ่มใสยิ่งขึ้นไป เพราะสภาพจิตซึ่งสงบด้วยอำนาจสมาธิ รัก โลภ โกรธ หลง กวนไม่ได้ ก็สามารถใช้ปัญญาพิจารณาให้รู้แจ้งเห็นจริงได้ง่าย ดังนั้น..การปฏิบัติในไตรสิกขา หรือ ศีล สมาธิ ปัญญา จึงต้องปฏิบัติทั้ง ๓ อย่างควบคู่กันไป ไม่สามารถที่จะทิ้งอย่างใดอย่างหนึ่งได้

ถ้าเราปฏิบัติในไตรสิกขาก็ชื่อว่าเราปฏิบัติอยู่ในมรรค ๘ ซึ่งเป็นหนทางนำเราไปสู่ความพ้นทุกข์ เพราะว่าสัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะนั้น จัดอยู่ในส่วนของศีล สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ จัดอยู่ในส่วนของสมาธิ สัมมาทิฐิ สัมมาสังกัปปะ จัดอยู่ในส่วนของปัญญา เมื่อเราปฏิบัติอยู่ในมรรค ๘ ได้สมบูรณ์บริบูรณ์ ทางพ้นทุกข์ของเราก็จะเปิดกว้าง สามารถที่จะล่วงพ้นได้ในชาตินี้ หรือไม่ก็ตัดหนทางในการเวียนว่ายตายเกิดได้สั้นลง สามารถที่จะบรรลุมรรคผลได้ในชาติต่อ ๆ ไป

ลำดับต่อไปก็ให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันอาทิตย์ที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๗

(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยรัตนาวุธ)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-12-2014 เมื่อ 20:23
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา