นิมิตเห็น
โยมที่อยู่ข้างหลังบอกว่าอยู่ดี ๆ ก็นิมิตเห็น มีรายละเอียดพร้อมสรรพด้วย ว่าเป็นใครมาจากไหน แสดงว่าเสิร์ชเน็ตเก่งมาก
เรื่องของนิมิตจริง ๆ อย่าไปเอามาเป็นอารมณ์ เพราะว่าบางอย่างก็หลอกเราได้ เพียงแต่ว่าในขณะที่(อาตมา)ปฏิบัติกรรมฐานจะมีการแผ่เมตตา โดยเฉพาะสรรพสัตว์ทั้งหลายเป็นปกติ ถ้าวาระบุญหนุนเสริมแล้วกำลังใจตอนนั้นเปิดรับพอดี เรียกว่ากุศลกรรมส่งผลให้ ถ้าทุกอย่างพร้อมก็มีการนิมิตเห็นและรับรู้ได้ แต่จริง ๆ ถ้าหากดีก็คือว่า ในระหว่างที่นิมิต ใส่ความสงสัยไปสักนิดเดียวว่า หมายความว่าอะไร จะได้คำตอบตรงนั้น มาถามทีหลังมันไม่ใช่คำตอบแล้ว
ถามว่าเป็นไปได้ด้วยหรือบุคคลที่ไม่เคยพบ ไม่เคยเห็น ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลย มีการนิมิตถึงกันได้ ตอบว่าได้ เพราะว่าที่ไม่เคยพบ ไม่เคยเห็นมันเป็นชาตินี้ พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่าบุคคลที่เกิดมาแล้วได้พบกัน ได้เห็นกัน ได้รู้จักกัน ในอดีตไม่เคยมีความสัมพันธ์กันมานั้นไม่มี อย่างน้อย ๆ ก็ต้องเคยเป็นในฐานะใดฐานะหนึ่งมาก่อน จะเป็นพ่อเป็นแม่ เป็นลูก เป็นหลาน เป็นครูอาจารย์ เป็นลูกศิษย์ เป็นสามีเป็นภรรยา ตลอดจนเป็นมิตรสหายกัน เป็นต้น บางรายก็เป็นเจ้านายกับทาสด้วย เจอหน้ามาถึงก็กลัวจนตัวสั่นเลย ดังนั้นเรื่องทั้งหลายเหล่านี้เราบอกว่าไม่เคย มันไม่เคยในชาติปัจจุบัน แต่ในอดีตมันเคยมาเสียเยอะแล้ว
เรื่องพวกนี้ก็ถือว่าเป็นนิมิตดีก็เพราะว่า การสามารถนิมิตเห็นไม่ว่าพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ หรือสิ่งเป็นเครื่องโยงให้เราเกาะความดีได้อย่างไรก็ตาม แสดงว่าก่อนที่จะหลับ กำลังใจเราเกาะในสิ่งที่ดี ถ้าไม่สามารถเกาะส่วนที่ดีจะไม่สามารถนิมิตตรงนี้ได้ แต่ว่าเรื่องของนิมิตแปลกมาก นึกจะมาก็มา นึกจะไปก็ไป บังคับเขาไม่ได้ บางอย่างต้องการรายละเอียดมากกว่านั้นก็ไม่มี บางอย่างก็ไม่ได้ต้องการรายละเอียดเขาก็ให้มาเสียเยอะเลย เพราะฉะนั้นเรื่องที่นักปฏิบัติปวดหัวมากที่สุดคือเรื่องนิมิต บังคับไม่ได้ มาเองไปเอง เป็นเอง
เทศน์(ช่วงสาย) ณ บ้านอนุสาวรีย์
๕ กรกฎาคม ๒๕๕๒
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 26-07-2009 เมื่อ 21:28
|