เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันอาทิตย์ที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๗
ทุกคนตั้งกายให้ตรง กำหนดความรู้สึกทั้งหมดอยู่ที่ลมหายใจเข้าออกของเรา หายใจเข้า..ให้ความรู้สึกไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก..ให้ความรู้สึกไหลตามลมหายใจออกมา ให้ใช้คำภาวนาที่เราถนัดมาแต่เดิม
วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๒ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๕๗ จากการตอบคำถามช่วงก่อนกรรมฐาน จะเห็นได้ว่า หลายคนยังไม่เข้าใจในหลักการปฏิบัติ ว่าถ้าเราจะปฏิบัติธรรมนั้นต้องยึดหลักอะไรจึงจะถูกต้องอย่างแท้จริง ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ให้ทุกท่านยึดตามหลักอปัณณกปฏิปทาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
คำว่า อปัณณกปฏิปทา ก็คือ หลักการปฏิบัติที่ไม่ผิด พระองค์ท่านกล่าวว่ามี ๓ ประการด้วยกัน ได้แก่
ข้อที่ ๑ อินทรียสังวร คือรู้จักสำรวมตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจของตน ตาเห็นรูป หูได้ยินเสียง จมูกได้กลิ่น ลิ้นได้รส กายสัมผัส ใจครุ่นคิด ถ้าเราหยุดไว้ไม่ทันด้วยอาการสำรวมอย่างยิ่งแล้ว ก็มีแต่จะก่อทุกข์ก่อโทษให้กับเรา
อย่างเช่นว่า ตาเห็นรูป เราก็จะปรุงแต่งไปว่าสวยหรือไม่สวย เราชอบใจหรือไม่ชอบใจ หูได้ยินเสียง ก็จะปรุงแต่งไปว่าเพราะหรือไม่เพราะ เราชอบใจหรือไม่ชอบใจ จมูกได้กลิ่น ลิ้นได้รส กายสัมผัส ใจครุ่นคิด ก็ลักษณะเดียวกัน
การปรุงแต่งนั้น เมื่อชอบก็จัดอยู่ในฝ่ายราคะ เมื่อไม่ชอบก็จัดอยู่ในฝ่ายโทสะ ทำให้เราขาดทุนทั้งขึ้นทั้งล่อง ดังนั้น..การสำรวมอินทรีย์จึงเป็นการปฏิบัติที่ไม่ผิด ถ้าถามว่าต้องสำรวมขนาดไหน ? ถ้าสามารถสำรวมได้อย่างในอรรถกถามหาสติปัฏฐานสูตร กล่าวถึงพระผู้เฒ่าซึ่งสำรวมอินทรีย์ ปฏิบัติอยู่ในถ้ำเป็นเวลาหลายสิบปี ปรากฏว่าในถ้ำนั้นมีจิตรกรรมที่วาดเอาไว้งดงามเป็นอย่างยิ่ง แต่ว่าท่านไม่เคยแม้แต่จะเหลือบตาขึ้นไปดู เมื่อผู้คนกล่าวถึงความงดงามของสถานที่ หลวงปู่ท่านนั้นก็ได้แต่รับรู้เฉย ๆ
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-11-2014 เมื่อ 00:53
|