ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ : คือช่วงที่เราฉุกเฉิน สิ่งที่เราสั่งสมมา เป็นศีล เป็นสมาธิ เป็นปัญญา ทั้งหมดจะมารวมตัวกัน ตอนนั้นเราจะรู้ว่ากำลังของเรามีเท่าไร นั่นคือกำลังที่เราจะใช้เผชิญหน้ากับความตายอย่างแท้จริง ถ้าลักษณะอย่างนั้นมั่นใจได้เลย เพราะว่าเรามีสติอยู่ตลอดเวลา ไม่ได้หวั่นกลัว เหลืออีกอย่างเดียวก็คือเกาะความดีให้ได้ นึกถึงพระ นึกถึงพระนิพพาน ฯลฯ
ถาม : แต่กลัว ?
ตอบ : กลัวไม่เป็นไร ก็บอกแล้วว่าเป็นเรื่องปกติ แต่พอถึงเวลาต้นทุนทั้งหมดเรากวาดมารวมกัน ตอนนี้เราเหมือนเปิดร้านเซเว่นทั่วประเทศ อย่างเก่งก็ยอด ๕๐,๐๐๐ บาทต่อร้านต่อวัน ยังต้องกลัวอยู่ เขามาทวงหนี้ตั้งหลายล้าน แต่ลองเอา ๗,๐๐๐ กว่าสาขาทั่วประเทศมารวมกันสิ เงินตั้งเท่าไรต่อวัน เพราะฉะนั้น..ถึงเวลาฉุกเฉินขึ้นมาผลบุญมารวมกัน เราจะรู้ว่าต้นทุนเรามีเท่าไร แต่ก็ไม่ควรประมาท ต้องเร่งทำให้มากไว้
เวลาจะตายจริง ๆ ช่วงนั้นเราจะเห็นว่าเราไม่ได้หวั่นไหว ไม่ได้หวั่นเกรงความตายอะไรเลย ก็เหลืออยู่อย่างเดียวก็คือเกาะความดีให้ได้
ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ : นั่นคือสภาพจิตที่เร็วกว่า สภาพจิตถ้าไม่เร็วขนาดนั้น กิเลสที่เข้ามาเร็วมากเราจะกันไม่ทัน สติ สมาธิ ปัญญาของเราจริง ๆ จะเร็วยิ่งกว่านั้นอีก ไม่อย่างนั้นแล้วกันกิเลสไม่ทัน
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-11-2014 เมื่อ 16:10
|