ช่วงที่บวชพระอยู่วัดท่าซุง แต่ละวันมีเวลานอนประมาณ ๒ ชั่วโมง ที่เหลือ ถ้าไม่ใช่ทำงานประจำในลักษณะทำไปภาวนาไป ก็จะอยู่ในลักษณะการทุ่มเทให้กับการปฏิบัติแบบจริง ๆ จัง ๆ ในเมื่อเป็นดังนั้น เมื่อสิ้นหลวงพ่อวัดท่าซุง อาตมาจึงกลายเป็นหลักของวัด เพราะว่าพระผู้ใหญ่ส่วนใหญ่รวนเรไปหมด กำลังใจไม่เพียงพอที่จะเผชิญหน้ากับงานมหึมาขนาดนั้นได้ จนกระทั่งพระผู้ใหญ่หลายต่อหลายรูปในกรุงเทพฯ ถามว่า “คุณเป็นเจ้าอาวาสองค์ใหม่ใช่ไหม ?” ต้องกราบเรียนท่านไปว่า “กระผมเป็นพระใหม่ครับ” คาดว่าทำให้เขาตีราคาพระเก่าวัดท่าซุงสูงสุดฟ้าไปเลย ขนาดพระใหม่ยังสู้งานได้ขนาดนี้
ในเมื่อเป็นอย่างนั้น เราจะเห็นว่า ส่วนของสมาธิภาวนานั้นมีทั้งประโยชน์ปัจจุบัน ถ้าเราทำได้เกิดความสงบในใจขึ้น ปัญหาต่าง ๆ เกิดขึ้น ก็สามารถที่จะแก้ไขจัดการให้เรียบร้อยลงไปได้ทุกอย่าง เพราะว่ามีสติรู้จักแยกแยะความ ก่อน หลัง เร็ว ช้า ของแต่ละปัญหา ปัญหาไหนมาเร็ว มาก่อน เร่งด่วน ให้แก้ไขปัญหานั้นก่อน ปัญหาอื่นก็วางกองเอาไว้ เราจะมีปัญหาอยู่แค่ปัญหาเดียวตลอดเวลา ซึ่งไม่เกินกำลังที่เราจะแก้ไขได้
แต่ว่าส่วนใหญ่ที่พบมาก็คือ มักจะเอาหลาย ๆ ปัญหามาหมกรวมกัน แล้วก็หลงประเด็น เห็นว่ามากมายมหาศาลจนเกินกำลังที่จะแก้ไขได้ ก็เพราะว่าขาดสติ จึงทำให้ขาดปัญญา
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-11-2014 เมื่อ 16:46
|