"พอหลวงพ่อวัดท่าซุงเปิดทางให้ จำได้ว่าจะออกธุดงค์ครั้งแรก บรรดาพระพี่พระน้องขอตามไป ๘-๑๐ รูป แต่พอท่านรู้ว่าจะไปป่าแม่สาน ก็ถอนตัวกันเกลี้ยงเลย เหลืออาตมาอยู่คนเดียว อาตมาเองก็นิสัยไม่เหมือนใคร มีคติประจำใจว่า ขึ้นหน้าไปตายอย่างคนกล้า ดีกว่าถอยหลังมาตายอย่างคนขลาด เหลือคนเดียวก็ไป
ทุกครั้งที่ไปธุดงค์ หลวงพ่อก็จะสะกิดตรงนั้นตรงนี้ให้รู้ว่า ท่านก็รู้ว่าเราไปที่ไหนมา การไปไหนแล้วลาครูบาอาจารย์ดีตรงที่ว่า เมื่อเวลามีอะไรเกิดขึ้นท่านจะได้ช่วยสงเคราะห์ได้ อย่างที่หลวงพ่อท่านเคยเล่าให้ฟังว่า เวลาพระที่อยุธยาออกธุดงค์ ต้องไปขึ้นครูกรรมฐานกับหลวงพ่อขัน วัดนกกระจาบ ท่านบอกว่าหลวงพ่อขันเก่งแค่ไหนท่านก็ไม่รู้ รู้ว่าวันหนึ่งกำลังนั่งคุยกับท่าน อยู่ ๆ หลวงพ่อขันก็หยุดคุยเฉย ๆ แล้วก็กลั้นใจเอามือตบกระดานศาลา
หลวงพ่อถามว่าทำอะไร ? หลวงพ่อขันบอกว่า ลูกศิษย์ที่ธุดงค์ในป่าจะโดนควายป่าขวิด จึงต้องช่วยหน่อย ตัวหลวงพ่อขันอยู่ที่วัดในอยุธยา ส่วนลูกศิษย์อยู่ในป่า ท่านรู้ว่าลูกศิษย์จะโดนควายป่าขวิด หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านก็รอ จนกระทั่งพระที่ออกธุดงค์ท่านกลับมา พอได้ข่าวว่าพระท่านกลับวัดแล้ว หลวงพ่อท่านก็ไปถาม เพราะว่าท่านจดวันเดือนปีเอาไว้ ไปถามว่าวันนั้นเกิดอะไรขึ้น พระที่ไปธุดงค์ท่านบอกว่าไปเจอควายป่า มันตั้งท่าวิ่งใส่แล้ว ตอนนั้นไม่รู้จะทำอย่างไร นึกอยู่อย่างเดียวว่า ถ้าครูบาอาจารย์ไม่ช่วยก็ตายแน่ อยู่ดี ๆ ก็มีเสียงฟ้าผ่าดังเปรี้ยงลงมากลางวง ควายป่าตกใจ หนีเตลิดหมดเลย ท่านตบกระดานศาลาที่วัดนกกระจาบ แล้วฟ้าไปผ่าในป่า ฉะนั้น..เวลาไปไหนควรที่จะบอกลาครูบาอาจารย์ เพื่อที่ท่านจะได้รู้ว่าเราไปอยู่ที่ไหน ถ้าเกิดอันตรายขึ้น ท่านจะได้ช่วยปกป้องคุ้มครองรักษา
เวลาอาตมาไปธุดงค์มักจะไปสถานที่ซึ่งหลวงพ่อท่านพูดถึง เพราะอาตมาเกิดความสงสัย อย่างท่านบอกว่าตรงนั้นมีภูเขาทอง ตรงนี้มีแร่ยูเรเนียม ไปดูมาหมด ตอนที่ไปดูแร่ยูเรเนียมมากลับมา ถึงช่วงเช้าเตรียมรับหลวงพ่อขึ้นตึก ท่านบอกว่า "เดี๋ยว..ยืนคุยกันก่อน แกไปดูยูเรเนียมมาใช่ไหม ?" "ครับ" "อยู่ตรงไหนวะ ?" ก็อธิบายให้ท่านฟัง ท่านก็ "เอ้อ..ใช่ ข้าก็กลัวเหมือนกันว่าจะรู้ผิด แกไปดูก็ดีอยู่อย่างหนึ่ง แกไปไหนแกพกกล้องถ่ายรูปไปด้วย แกมีหลักฐาน ข้าเองบอกแต่ปากเปล่า ๆ ไม่มีหลักฐาน บางทีคนเขาไม่เชื่อหรอก"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-10-2014 เมื่อ 00:18
|