"พรรษาที่ ๒ อาตมาไม่ได้สอบนักธรรมชั้นโท อาจจะเป็นเพราะว่ากรรมการสงฆ์ตั้งใจจะไล่ออกอยู่แล้ว ก็เลยไม่ได้ส่งชื่อไปสอบ จึงไปลงชื่อสอบเอาพรรษาที่ ๓ และ ๔ ได้นักธรรมชั้นโทและนักธรรมชั้นเอก เวลาสอบทำข้อสอบแค่พักเดียว ไม่เคยเกิน ๑๕ นาที
ตอนนั้นสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ (สมศักดิ์ อุปสโม) วัดพิชยญาติการาม ท่านเพิ่งจะเป็นเจ้าคุณราชปริยัติโมลี ท่านแอบไปดูสถิติการสอบของแต่ละจังหวัดมา เพื่อหาคนเก่ง ๆ มาเข้าโรงเรียน อาตมาก็ไม่รู้ว่าท่านแอบไปดูผลสอบของอาตมา แล้วท่านก็มาชวนไปเรียน นั่งเกลี้ยกล่อมอยู่เป็นครึ่งวัน จะให้ไปให้ได้ พอหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านออกมาฉันเพล ก็กราบเรียนหลวงพ่อว่า "เจ้าคุณสมศักดิ์ท่านมาชวนให้ไปเรียนครับหลวงพ่อ" "แกอยากเรียนไหม ? ถ้าไม่ชอบวัดพิชัยญาติก็ให้บอก จะส่งไปให้วัดพรรคพวกที่กรุงเทพฯ ก็ได้ มีอีกหลายที่" กราบเรียนหลวงพ่อว่า "ผมรู้ตัวว่าถ้าผมห่างหลวงพ่อ ผมเลวแน่ ๆ ขออนุญาตไม่ไปครับ" รู้ว่าคุมตัวเองไม่อยู่ เดี๋ยวเตลิดเปิดเปิง
ก่อนหน้านี้ท่านที่วิ่งเต้นเป็นมือเป็นเท้าให้หลวงพ่อวัดท่าซุงก็จะมี มหาชุบ มหาวิจิตร มหาดำ (ท่านเจ้าคุณมหาสันติ) หลวงพี่ชุบท่านเป็นเจ้าคุณก่อนใครเพื่อนเลย พวกเราก็แซวท่านเล่น "หลวงพี่...ทำไมติดนายพลก่อนคนอื่นในรุ่น ?" ท่านบอกว่า "มันเสือกมาวิ่งเต้นกันกูไม่ให้เป็น กูก็เลยทำให้พวกมันรู้ว่า คนอย่างกูถ้าจะเอาแล้วกูต้องได้..!" นี่..นิสัยลูกหลวงพ่อขนานแท้เลย ทุกวันนี้ท่านก็เป็นแค่เจ้าคุณศรี น่าจะถึง ๓๐ ปีแล้วนะ ไม่เคยขยับเลย เพราะว่าท่านไม่ได้อยากได้ แต่คนดันไปกีดกันท่าน ท่านก็เลยทำให้เขารู้ว่า ถ้าท่านจะเอาแล้วต้องได้ อาตมาเองก็นิสัยแบบนี้แหละ ถ้าไปเรียนต่อ เดี๋ยวก็ต้องไปฆ่าแกงกับเขา เพราะฉะนั้น..ไม่ไปดีกว่า
หลังจากไปเป็นเจ้าคณะตำบลที่ทองผาภูมิแล้ว มีหลักสูตร ปปส. ขึ้นมา ซึ่งก็คือหลักสูตรของท่านเจ้าคุณสมศักดิ์ หรือท่านเจ้าประคุณสมเด็จพุทธชินวงศ์ปัจจุบันนี่แหละ วันเปิดหลักสูตรท่านไป พอเห็นหน้าอาตมาท่านหัวเราะ กล่าวว่า "ท้ายสุดต้องมาเป็นลูกศิษย์ผมจนได้" พอจบนักธรรมเอกพรรษาที่ ๔ หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเมตตาบอกว่า "ความรู้พอคุ้มตัวได้แล้ว ถ้าจะออกธุดงค์ก็ได้นะ"
อาตมาเองตั้งใจว่า จะเอาตามแบบโบราณ คือ อยู่กับครูบาอาจารย์ ศึกษาความรู้ให้ครบ ๕ พรรษาก่อน จึงจะออกจากวัดไปที่อื่น ช่วงก่อน ๕ พรรษานั้น อาตมาไม่เคยไปที่ไหนเลย นอกจากงานของหลวงปู่มหาอำพันและงานของหลวงปู่ครูบาธรรมชัย ที่ถือท่านเป็นครูบาอาจารย์มาตั้งแต่เป็นฆราวาสแล้ว ไปอยู่สองที่เพราะคุ้นเคยกัน ที่อื่นก็ไม่กล้าไป กลัวไปทำผิดทำพลาดแล้วขายหน้าครูบาอาจารย์"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-10-2014 เมื่อ 13:38
|