ถาม : มโนมยิทธิไปด้วยกายหรือใจ ?
ตอบ : ถ้าไปแบบเต็มกำลังจริง ๆ เหมือนกับเอาตัวนี้ไปเลย แต่ว่าไม่ใช่ตัว..ยังเป็นแค่ใจ แต่การรับรู้ทุกอย่างชัดเจนเหมือนกับเอาตัวจริงไป เพียงแต่ว่าสุดยอดของมโนยิทธิอย่างพระจูฬปันถก ท่านถอดออกมาเหมือนตัวจริง อย่างลูกศิษย์หลวงพ่อฤๅษีลิงดำที่ทำได้ เวลาถอดกายในไป ถ้าไม่ใช่พวกอภิญญาจะไม่เห็นกัน แต่ว่าหลวงพ่อพระจูฬปันถกนี่ ท่านสามารถแสดงให้คนทั่วไปเห็นท่านได้ เห็นเป็นกายหยาบ ท่านถึงได้เป็นเอตทัคคะคือสุดยอดในด้านนี้
อย่างเวลาขึ้นไปข้างบน ไปกราบพระหรือว่ากราบพ่อแม่ครูบาอาจารย์จำนวนมากมาย ถ้ามัวแต่กราบทีละคนก็พอดีแหละ สิ้นชีวิตเสียก่อนไม่รู้จะกราบครบหรือเปล่า ก็ต้องใช้วิธีแยกกราบทีเดียวพร้อมกัน จะเป็นพันเป็นหมื่นกายก็ได้ในความเป็นทิพย์ แต่คราวนี้ว่าพระจูฬปันถกท่านทำเป็นกายหยาบได้เลย บาลีบอกว่าลักษณะเหมือนกับเหมือนชักไส้ออกจากหญ้าปล้อง
ถาม : แต่ละคนสามารถทำหน้าที่คนละอย่าง ?
ตอบ : สามารถทำคนละอย่างได้ด้วย
ถาม : ทำอย่างไร ?
ตอบ : ในความเป็นทิพย์ลักษณะอย่างนั้นท่านอธิษฐานไว้ ว่าแต่ละกายจะให้ทำอะไรบ้าง ต้องมีการตั้งใจไว้ก่อน
ถาม : ถ้าเป็นพันกายไม่อธิษฐานเป็นพันครั้งหรือครับ ?
ตอบ : ในความเป็นทิพย์แค่นึกก็เป็นแล้ว
ถาม : ตำราเขาบอกว่าเนรมิตกายอื่นนอกจากกายนี้ ?
ตอบ : สภาพจิตก็คืออารมณ์ที่ควบคุม เหมือนกับแบ่งการควบคุมเป็นหลาย ๆ ส่วน คล้ายกับถึงเวลาก็ต่อสายแยก ให้ไฟฟ้าไปในสายเส้นโน้นบ้างเส้นนี้บ้าง แต่ว่าตัวควบคุมใหญ่ก็คือคัตเอาท์
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-10-2014 เมื่อ 16:31
|