ส่วนที่น่าหนักใจที่สุดก็คือความหลง เพราะส่วนใหญ่ก็คือหลงยึดในร่างกายของตนเองด้วยความวิปลาส (มีความเห็นผิดไปจากความเป็นจริง) คือร่างกายนี้ต้องแก่ ต้องเจ็บ ต้องตาย ก็ไปยึดถือว่าต้องไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย ร่างกายนี้มีแต่ความสกปรกโสโครกน่าเกลียดเป็นปกติ ก็ไปเห็นว่าเป็นสิ่งที่สวยงาม เป็นต้น
จึงต้องใช้ปัญญาพิจารณาให้เห็นว่า สภาพร่างกายของเรานั้น เกิดขึ้นในเบื้องต้น เปลี่ยนแปลงไปในท่ามกลาง สลายไปในที่สุด ระหว่างที่ดำรงชีวิตอยู่ก็มีแต่ความทุกข์ ท้ายที่สุดก็เสื่อมสลายตายพัง กลับกลายเป็นธาตุ ๔ คืนให้แก่โลกไป ไม่มีอะไรเป็นตัวตนให้เรายึดถือมั่นหมายได้
ถ้าหากว่ากิเลสใหญ่ทั้ง ๔ คือ ราคะ โลภะ โทสะ โมหะ มายึดครองใจของเรา เราก็ไม่สามารถที่จะนำพาตนเองให้หลุดพ้นจากกองทุกข์ได้ จึงจำเป็นที่ต้องรู้เท่าทัน และปฏิบัติในกองกรรมฐานที่เป็นคู่ศึกกับกิเลสใหญ่ทั้ง ๔ กอง ดังที่ได้กล่าวมานี้ โดยมีอานาปานสติคือลมหายใจเข้าออกเป็นหลัก เพราะว่าจะเป็นตัวสร้างเสริมกำลังใจของเราให้มั่นคง ให้มีกำลังในการที่จะหักห้ามใจตนเอง และในที่สุดก็จะมีกำลังในการตัดกิเลสต่าง ๆ ลงได้
ถ้าหากว่าท่านรู้แล้ว ก็ให้พยายามพากเพียรฝึกฝน อย่ารอจนถึงต้นเดือนแล้วค่อยมาเจริญกรรมฐาน อย่าทำแล้วทิ้งไปเฉย ๆ แต่ว่าให้พวกเราทุกคนพยายามที่จะปฏิบัติไว้ในทุกวัน โดยเฉพาะเมื่อปฏิบัติแล้วให้ประคับประคองรักษาอารมณ์ใจของเราเอาไว้ อย่าให้สิ่งที่เราทำได้เลือนหายไปในเวลาอันรวดเร็ว ถ้าเราฝึกประคับประคองใจตนเองอยู่กับกองกรรมฐานได้ ยิ่งนานไปก็ยิ่งเกิดความชำนาญ ก็จะทำให้เราสามารถยืดระยะเวลา รักษากองกรรมฐานได้นานยิ่ง ๆ ขึ้นไป
ตราบใดที่เรารักษากองกรรมฐานที่เราใช้ในการภาวนาพิจารณาอยู่ได้ ตราบนั้นกิเลสก็ไม่สามารถที่จะกินใจของเราได้ สภาพจิตของเราก็จะมีความผ่องใส ปัญญาก็จะเห็นชัดเจนว่า สภาพร่างกายของเราก็ดี ของคนอื่นก็ดี มีความ เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นปกติ มีความสกปรกโสโครกเป็นปกติ ประกอบขึ้นมาจากธาตุ ๔ คือดิน น้ำ ไฟ ลม ให้เราอาศัยอยู่เพียงชั่วคราว ถึงเวลาก็เสื่อมสลายตายพังไป ไม่มีอะไรให้ยึดถือมั่นหมายได้ ถ้าท่านเห็นจริงดังนี้ ก็จะเกิดอาการเบื่อหน่าย คลายกำหนัด ถอนจิตออกมาจากกองกิเลสทั้งปวง ก็สามารถล่วงพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพานได้
ลำดับต่อไปขอให้ทุกท่านภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา
พระครูวิลาศกาญจนธรรม
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันเสาร์ที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๕๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยคะน้าอ่อน)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-10-2014 เมื่อ 09:38
|