
03-10-2014, 10:43
|
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
|
|
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 188,897 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
|
|
เทศนาอบรมพระอีกคราวหนึ่ง กล่าวถึงการปฏิบัติขององค์ท่านเอง เมื่อออกก้าวเดินทางด้านปัญญา ภายหลังสมาธิมีความพร้อมและแน่นหนามั่นคงเป็นทุนเดิมอยู่นานแล้ว เมื่อพิจารณาร่างกายจึงเกิดความคล่องแคล่วแกล้วกล้า สามารถเห็นผลได้อย่างรวดเร็ว เทศนากัณฑ์นี้กล่าวถึงวิธีการทดสอบตนเองว่า จิตยังมีกามราคะอยู่หรือไม่ ดังนี้
“... ก็เร่งทางด้านปัญญา เร่งทางกายนี้ก่อน.. ตอนอสุภะนี่สำคัญอยู่มากนะ สำคัญมากจริง ๆ พิจารณาอสุภะนี่ มันคล่องแคล่วแกล้วกล้า มองดูอะไรทะลุไปหมด ไม่ว่าจะหญิงจะชาย จะหนุ่มจะสาวขนาดไหน
‘เอ้า.. พูดให้เต็มตามความจริงที่จิตมันกล้าหาญน่ะ ไม่ต้องให้มีผู้หญิงเฒ่า ๆ แก่ ๆ ละ ให้มีแต่หญิงสาว ๆ เต็มอยู่ในชุมนุมนั้นน่ะ เราสามารถจะเดินบุกเข้าไปในที่นั่นได้ โดยไม่ให้มีราคะตัณหาอันใดแสดงขึ้นมาได้เลย’
นั่น..ความอาจหาญของจิตเพราะอสุภะ มองดูคนมีแต่หนังห่อกระดูก มีแต่เนื้อแต่หนังแดงโร่ไปหมด มันเห็นความสวยความงามที่ไหน เพราะอำนาจของอสุภะมันแรง มองดูรูปไหนมันก็เป็นแบบนั้นหมด แล้วมันจะเอาความสวยงามมาจากไหนพอให้กำหนัดยินดี เพราะฉะนั้น มันจึงกล้าเดินบุก เอ้า ! .. ผู้หญิงสาว ๆ สวย ๆ นั้นแหละ บุกไปได้อย่างสบายเลย ถึงคราวมันกล้าเพราะเชื่อกำลังของตัวเอง
แต่ความกล้านี้ก็ไม่ถูกกับจุดที่จิตอิ่มตัวในขั้นกามราคะ จึงได้ตำหนิตัวเองเมื่อจิตผ่านไปแล้ว ความกล้านี้มันก็บ้าอันหนึ่งเหมือนกัน แต่ตอนที่ดำเนินก็เรียกว่าถูกในการดำเนิน เพราะต้องดำเนินอย่างนั้น เหมือนการตำหนิอาหารในเวลาอิ่มแล้วนั่นแล จะผิดหรือถูกก็เข้าในทำนองนี้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-10-2014 เมื่อ 11:45
|