ทีนี้เอาความคล่องแคล่วของจิตใจเราที่ทำอย่างนี้นั้น กำหนดอสุภะอสุภัง เอามาตั้งที่หน้าของเราที่นั่งภาวนาอยู่นี้แล เอามาตั้งดู เอาอสุภะอันนี้กำหนดขึ้นให้เป็นอสุภะ จะเป็นท่านั่งก็ได้ ท่านอนก็ได้ ให้เป็นภาพอสุภะปรากฏอยู่ต่อหน้าต่อตาเรา จิตใจเราเพ่ง ปัญญาจ่อเข้าไปตรงนั้นแต่ไม่ให้ทำลาย เอาสติจดจ่อไว้ไม่ให้ภาพนี้มันเคลื่อนย้ายไปที่ไหน มันจะไปตรงไหนมาที่ไหน ถ้ามันยังไม่พอ กำหนดดูอยู่..มันจะไม่เคลื่อนไหวไปที่ไหน ถ้าการพิจารณาอสุภะอสุภังยังไม่พอ ปัญญายังไม่พอที่จะปล่อยวางมันได้ กำหนดอสุภะอสุภังให้อยู่ที่ไหน.. มันก็อยู่ที่นั่น กำหนดนานเท่าไรมันก็อยู่ที่นั่นนาน นี่แสดงว่ายังไม่พอกับความต้องการ
ทีนี้ขยายออกอีก พิจารณาอย่างเก่านั่นแหละ ให้มีความชำนิชำนาญเข้าไป เอามาตั้งอีก นี่เป็นการทดสอบตัวเอง เพื่อเอาความสัตย์ความจริงตัดสินตนเองในเรื่องกิเลสตัณหา คือกามราคะนั้นแหละเป็นตัวสำคัญ เพราะตัวนี้มันพิลึกพิลั่น ทั้งหญิงทั้งชาย สัตว์ บุคคลทั่วโลก ติดอันนี้กันทั้งนั้น เพราะไม่มีใครมาบอกมาสอน
แม้แต่พระ.. เรายิ่งติดมากยิ่งกว่าฆราวาสก็มีเยอะ เพราะไม่สนใจในธรรม หมุนติ้วไปกับกิเลสตัณหา ก็กลายเป็นความพะรุงพะรัง สร้างแต่ความชั่วช้าขึ้นมาในหัวใจของตนนั้นแล
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-09-2014 เมื่อ 19:11
|