ดูแบบคำตอบเดียว
  #103  
เก่า 19-09-2014, 05:47
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,377
ได้ให้อนุโมทนา: 157,932
ได้รับอนุโมทนา 4,479,234 ครั้ง ใน 35,986 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "อะไรที่มันงอก ๆ กินแล้วระวังโรคเก๊าท์ไว้ด้วย สารอาหารต้องเต็มที่เขาถึงงอกได้ ก็พอ ๆ กับการกินอาหารทะเล หรือกินไก่ อาตมาไม่ได้ตำหนิวิทยาศาสตร์ แต่ตำหนิคนที่เอาวิทยาศาสตร์ไปใช้ อย่าง...(น้ำผลไม้สกัดเข้มข้น)...ใช่ไหม ? ที่เอาน้ำผลไม้หลายอย่าง แต่ละอย่างล้วนแล้วแต่ดี ๆ ผสมกัน ระวังไว้ด้วย..ถ้าใครแพ้ กินเข้าไป จะคันคะเยอไปทั้งคืน

เขาทำในห้องวิจัยว่า น้ำผลไม้อย่างนี้ดีอย่างนี้ ๆ เขาก็เอาหลาย ๆ อย่างที่ดี ๆ มารวม ๆ กัน แต่เขาไม่เข้าถึงเรื่องของธาตุต่าง ๆ สารต่าง ๆ ที่มีการหักล้างกัน มีการหนุนเสริมกัน ถ้าหักล้างกันก็จะเป็นพิษ ถ้าหนุนเสริมคุณภาพจะรุนแรงมากกว่าปกติ แล้วเรากินเข้าไปโดยไม่รู้ เพราะวิทยาศาสตร์เขาว่าดี แต่ดีแค่ไม่กี่คน คนที่ร่างกายไม่ดีนี่จะแย่ไปเลย

ฉะนั้น..เราต้องเชื่อพระพุทธเจ้าว่ามัชฌิมาปฏิปทา ทุกอย่างต้องพอเหมาะพอดี มากเกินไปก็ไม่ดี น้อยเกินไปก็ไม่ดี เรื่องของวิทยาศาสตร์บางทีเขาคิดว่าตัวเองเป็นพระเจ้า ค้นพบอย่างนั้น ค้นพบอย่างนี้ ท้ายที่สุดสิ่งที่ค้นพบมา เอามาใส่รวมกันเมื่อไรก็บรรลัยหมด โบราณเขายังใช้คำว่า "ลางเนื้อชอบลางยา" คนบางคนเหมาะกับยาบางอย่าง ป่วยด้วยโรคเดียวกัน คนนี้กินยาตัวนี้หาย แต่ทำไมอีกคนกินไม่หาย ?

คนป่วยด้วยโรคเดียวกัน คนละเพศก็มีความต่างแล้วในการให้ผลของยา คนละขนาดน้ำหนักตัว คนละอายุ ก็มีความต่างกัน หมอโบราณจึงจัดยาตามธาตุ ตามลักษณะ ตามอายุ แต่ว่าปัจจุบันหมอฝรั่งมาถึง อย่างนี้กินหาย ก็ใส่เข้าไปอย่างเดียว แล้วเขาไม่สงสัยหรือว่าโรคอีโบล่า ทำไมบางคนเป็นแล้วหาย บางคนเป็นแล้วตาย ?"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-09-2014 เมื่อ 09:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 191 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา