ลักษณะของการคิด เมื่อไปถึงระดับหนึ่งจะเกิดความคิดแตกฉานขึ้นมา แต่จะแตกกระจายกว้างออกไปเรื่อย ๆ คิดอะไรก็สมเหตุสมผลไปหมด แต่ให้สังเกตว่าไม่ได้สอนเราคิดเรื่องตัดกิเลส เพราะฉะนั้น..ถ้าเราไปคิดอยู่ หลงเสียเวลาคิดตาม ๒๐ ปี ๓๐ ปี คิดว่าเราเก่ง คิดอะไรก็ถูก คิดอะไรก็ดี แต่วิธีการละกิเลสไม่มีเลย หลายคนก็เผลอว่าตัวเองต้องได้มรรคได้ผลอะไรบางอย่าง เพราะคิดอะไรก็สามารถหาเหตุเชื่อมโยงได้ทุกอย่าง แต่ขอให้สังเกตชัด ๆ ว่า ไม่มีวิธีการละกิเลสแม้แต่นิดเดียว มารหลอกให้เราเสียเวลาคิด รู้ตัวก็รีบเลี้ยวกลับ
มาถึงระดับนี้ถ้าต้องการเป็นนักวิทยาศาสตร์ชื่อดังของโลกนี่สบาย เขียนทฤษฎีอะไรขึ้นมาก็ได้ จะสมเหตุสมผลไปหมด แข่งกับสตีเฟ่น ฮอว์กิ้ง ได้สบาย แต่ไม่มีวิธีละกิเลส ฉะนั้น...ให้ระมัดระวัง มาถึงระดับนี้แล้วควบคุมตัวเองให้เป็น หยุดคิดให้ได้ หยุดไม่ได้ก็ฟุ้งซ่านไปเรื่อย พลังงานที่จะใช้ในการละกิเลส จะโดนดึงเอาไปใช้งานในการฟุ้งซ่าน กลายเป็นว่าผลการปฏิบัติหาความก้าวหน้าไม่ได้ พอถึงเวลา เอ๊ะ..ทำไมกิเลสกำเริบอีกแล้ว ? เพราะเราไม่ได้ละกิเลส เราดันไปคิดฟุ้งซ่านอย่างเดียว ถ้าจะเอาประโยชน์ในการปฏิบัติธรรมก็แทบจะไม่มี
ถ้าจะเอาทางโลก ๆ เอาอะไรก็คิดได้หมด อย่าง ดร.อาจอง ใช่ไหม ? คิดระบบยานลงจอดดวงจันทร์ได้สำเร็จ ขณะที่ฝรั่งคิดไม่ได้ นั่นฟุ้งได้ขนาดนั้น แต่ก็ดี เพราะเขาทำให้วัตถุธาตุต่าง ๆ ก้าวหน้าขึ้น แต่ถ้าเราตั้งใจละกิเลส เสียเวลาอย่าบอกใครเลย
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-09-2014 เมื่อ 04:48
|