ดูแบบคำตอบเดียว
  #1  
เก่า 18-09-2014, 06:06
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,395
ได้ให้อนุโมทนา: 157,983
ได้รับอนุโมทนา 4,479,635 ครั้ง ใน 36,004 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันศุกร์ที่ ๕ กันยายน ๒๕๕๗

ทุกท่านขยับตั้งกายให้ตรง กำหนดสติเอาไว้เฉพาะหน้า เอาความรู้สึกทั้งหมดจับอยู่ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจออกมา จะจับการกระทบฐานเดียว สามฐาน เจ็ดฐาน หรือว่ารู้ตลอดกองลมก็ได้ จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ ที่เรามีความถนัดมาแต่เดิม

วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ ๕ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๕๗ สำหรับการเจริญกรรมฐานนั้น เราจะทิ้งลมหายใจเข้าออกไม่ได้ เมื่อภาวนาตามดูตามรู้ลมหายใจเข้าออก จนกำลังใจเริ่มทรงตัวแล้ว ก็มาพิจารณาทบทวนศีลของเรา ว่าภายในวันนี้ตั้งแต่ลืมตาขึ้นมา จนถึงปัจจุบันขณะนี้ ตอนนี้ เดี๋ยวนี้ ศีลข้อใดของเราได้บกพร่องไปบ้าง ?

เราได้ฆ่าสัตว์หรือทำร้ายสัตว์ให้เจ็บโดยเจตนาหรือไม่ ? เราได้ลักขโมยหรือหยิบฉวยสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้หรือไม่ ? เราใจเร็วด่วนได้ละเมิดของที่เขารัก คนที่เขารักหรือไม่ ? เราได้โกหกมดเท็จหรือไม่ ? เราได้ดื่มสุราเมรัย หรือเสพยาเสพติดบ้างหรือไม่ ?

ถ้าศีลของเราข้อใดข้อหนึ่งขาดตกบกพร่อง ก็ให้ตั้งใจว่าตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป เราจะเป็นผู้มีศีลบริสุทธิ์บริบูรณ์ แล้วตั้งหน้าตั้งตารักษาศีลของเราต่อไป การรักษาศีลนั้นสำคัญที่การงดเว้น มีโอกาสแล้วไม่ล่วงละเมิดจึงเรียกว่าศีล ไม่ใช่ว่าต้องอาราธนาศีล ต้องสมาทานศีลถึงจะเป็นศีล การอาราธนาเป็นการขอร้องให้พระภิกษุสงฆ์บอกเราว่าศีลมีอะไรบ้าง การสมาทานก็คือการศึกษาว่าศีลแต่ละข้อคืออะไร ถึงอาราธนาศีลแล้ว สมาทานศีลแล้ว แต่ถ้าไม่มีเจตนางดเว้นก็ยังคงไม่มีศีล
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-09-2014 เมื่อ 13:47
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 54 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา