๖. ถ้าจิตฟุ้งซ่านให้พยายามจับอานาปาฯ เข้าไว้ รวมทั้งใช้ปัญญาพิจารณากฎของกรรมตามความเป็นจริง (กรรมทั้งหลายมาแต่เหตุ) ถ้าหากจิตยังละสักกายทิฏฐิไม่ได้ ก็ย่อมยังมีอารมณ์ โกรธ - โลภ - หลง อยู่เป็นธรรมดา และชอบทำอะไรตามใจตนเองเป็นใหญ่อย่างนี้ทุกคน และก็เป็นธรรมดาอีกที่อยากให้ทุกคนตามใจเรา บางครั้งทำอะไรให้ใครก็ยังหวังผลตอบแทนอยู่ในใจ มิใช่ทำเพื่อพระนิพพาน ก็เป็นธรรมดาอีกนั่นแหละ ทุกอย่างล้วนอยู่ในตัวสักกายทิฏฐิ ซึ่งแปลว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เนื่องด้วยร่างกาย ซึ่งเมื่อรู้แล้วก็พึงละเสีย อย่าคิดว่ายาก หากตั้งใจละให้จริงก็จักละได้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-08-2014 เมื่อ 18:15
|