ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 18-08-2014, 13:06
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,395
ได้ให้อนุโมทนา: 157,983
ได้รับอนุโมทนา 4,479,638 ครั้ง ใน 36,004 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หลายท่านอาจจะคิดว่า ในเรื่องของการทรงฌานนั้น เป็นการติดในสังโยชน์ของรูปราคะ หรืออรูปราคะ ถ้าไปหวั่นเกรงตรงจุดนั้นอยู่ ก็ไม่ต้องทำความดีอะไรกัน อันดับแรก ต้องทรงฌานให้ได้ก่อน เมื่อทรงฌานได้แล้ว เราก็เอากำลังฌานนั้นเกาะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือเกาะพระนิพพานแทน ถ้าหากว่าเป็นเช่นนั้น เราก็ไม่ได้ไปยึดติดเพลิดเพลินอยู่ในความสุขของอารมณ์ในฌานสมาบัตินั้น ถ้าเราตั้งใจไว้ว่าตายเมื่อไรเราขอมาอยู่กับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่พระนิพพานด้วย ก็ยิ่งเป็นการประกันความเสี่ยงว่า เราไม่ได้ยึดอยู่ในสังโยชน์ใหญ่ทั้ง ๒ ข้อดังที่ได้กล่าวมาแล้ว

ดังนั้น..ในเรื่องของฌานสมาบัติ จำเป็นที่นักปฏิบัติทุกคนต้องทำให้มี ให้เกิดแก่ตัวให้ได้ อย่างต่ำสุดต้องเป็นปฐมฌานละเอียด เพื่อจะได้มีกำลังตัดกิเลสระดับพระโสดาบันและพระสกทาคามี แต่ถ้าจะตัดกิเลสในระดับพระอนาคามีขึ้นไป ต้องทรงฌาน ๔ ได้คล่องตัว ไม่อย่างนั้นกำลังจะไม่เพียงพอที่จะกด รัก โลภ โกรธ หลง ให้นิ่งสนิทจริง ๆ ได้

ในเรื่องของการปฏิบัติ ทุกคนจำเป็นจะต้องทนลำบาก ต้องพากเพียร เหนื่อยยากอยู่ระยะหนึ่ง จนกระทั่งอารมณ์จิตอารมณ์ใจสามารถทรงฌานได้ทุกเวลาตามที่ตนต้องการได้ จึงจะเรียกว่าพอที่จะอาศัยได้ แต่ก็ยังไม่แน่ว่าจะเอาตัวรอดได้หรือไม่ ถ้าเรายังมีความประมาทอยู่เมื่อไร ก็อาจจะเผลอสติ ไปยึดเกาะว่าการทรงฌานได้นั้นเป็นสิ่งที่เลิศแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็จะเป็นการยึดในสังโยชน์ใหญ่ ไม่สามารถที่จะหลุดพ้นได้

หน้าที่ของเราในวันนี้ จึงเป็นหน้าที่ซึ่งเราต้องเพียรพยายาม ในการทรงฌานระดับใดระดับหนึ่งให้ได้ ต่ำสุดให้เป็นปฐมฌานละเอียด ถ้าจะสูงสุดเป็นฌาน ๔ หรืออรูปฌาน ๔ ได้เลยก็ยิ่งดี แล้วนำเอากำลังของฌานนั้นไปเกาะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือเกาะพระนิพพาน ตั้งใจว่าตายเมื่อไรเราขออยู่กับพระองค์ท่านที่พระนิพพานแห่งเดียวเท่านั้น แล้วจะภาวนาหรือพิจารณาอย่างไรของเราก็ให้เป็นไปตามอัธยาศัย หรือเป็นไปตามกองกรรมฐานที่เรายึดถือมาแต่ดั้งเดิม

ลำดับต่อไปก็ให้ทุกคนตั้งใจภาวนาหรือพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้ยินสัญญาณบอกว่าหมดเวลา



พระครูวิลาศกาญจนธรรม
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันศุกร์ที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๗

(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยทาริกา)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-08-2014 เมื่อ 16:16
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา