๑๘. เรื่องของสังขารทั้งสอง กายกับจิต หาความเที่ยงไม่ได้แม้แต่สักนาทีหนึ่ง ให้พิจารณาตามความเป็นจริง ดูให้เป็นที่ยอมรับนับถือว่าเป็นกฎของธรรมดา แล้วในที่สุดขันธ์ ๕ ก็มีอันต้องสลายตัวไป คือเป็นอนัตตาหรือตายไปในที่สุด จึงพึงละให้ได้จากการเกาะยึดขันธ์ ๕ หรือสังขารกายกับจิตนี้ อันมีความเกิดเป็นเบื้องต้น มีความแปรปรวนในท่ามกลาง มีความสลายตัวไปในที่สุด มองให้เห็นโทษของการติดอยู่ในขันธ์ ๕ มองให้เห็นคุณของการหลุดออกจากขันธ์ ๕ และรู้ว่าขันธ์ ๕ จองจำเรามานับชาติไม่ถ้วน ไม่ต่างกับนักโทษต้องโซ่ตรวน ต้องคิดดิ้นรนให้หลุดพ้นด้วยความเพียร โดยพยายามมองดูขันธ์ ๕ ตามความเป็นจริงให้พบ
จุดนี้ใครที่ไหนเล่าจักช่วยให้พวกเจ้าหลุดพ้นไปได้ กิเลสมักสอนจิตให้ห่วงคนโน้น - คนนี้ ใยถึงไม่ห่วงตัวเองบ้างเล่า ? มองหาความจริงให้พบ อย่าให้ความห่วงหรือความสงสารที่เป็นกิเลสลากเอาไปกิน จงปล่อยวางเถิด ให้ดู ให้รู้สึกแต่ว่า กองสังขารมีแต่เกิด - เสื่อม - ดับเป็นของธรรมดา แม้แต่กายกับจิตสังขารของพวกเจ้าเอง ก็มีสภาพเช่นนั้นเหมือนกัน เวลาของชีวิตนั้นเหลือน้อย จักอยู่ทำความเพียรเพื่อใครดี ? สงสารตัวเองหรือสงสารคนอื่นดี ? ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ด้วย อย่าไปห่วงใคร ดูตัวเองให้มั่นคงในศีล - สมาธิ - ปัญญา ชำระจิตของตนให้ได้ซึ่งมรรคผลนิพพานอันแท้จริงดีกว่า
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-07-2014 เมื่อ 11:18
|