ดูแบบคำตอบเดียว
  #106  
เก่า 14-07-2014, 11:48
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 188,897 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

๑๓. อย่าฝืนโลก อย่าฝืนธรรม แล้วจิตจักเป็นสุข อยู่ในโลกทุกคนต้องมีงานทำ แต่อย่าแบกงาน เพราะงานทางโลกเป็นไตรลักษณ์ ไม่มีใครทำเสร็จได้จริง แม้อยู่วัดก็อย่าแบกวัด เพราะงานของวัดก็ไม่มีใครทำเสร็จได้จริง เหตุที่จิตยังเร่าร้อนอยู่ เพราะการไปหลงอยู่กับอายตนะที่เข้ามากระทบใจ อันเป็นกฎของธรรมดาซึ่งห้ามไม่ได้ (ห้ามไม่ให้อายตนะภายนอกกระทบกับอายตนะภายในไม่ได้) จึงเสมือนหนึ่งใจเราอยู่ในดงของกิเลส อยู่ในทางกลางของกิเลส มิใช่อยู่ไกลจากกิเลสแต่อย่างใด เพราะเรายังมีอายตนะทั้ง ๖ ทำงานได้ดีอยู่เป็นปกติ ทุกอย่างที่เข้ามากระทบ จึงล้วนเป็นกฎของธรรมดา - กฎของกรรมหรืออริยสัจทั้งสิ้น

ใครจักมาอย่างไร ใครจักไปอย่างไร ใครจักทำอะไร - พูดอะไร - คิดอะไร ก็นับว่าเป็นกรรมทั้งสิ้น อย่าลืมกรรมทั้งหลายมาแต่เหตุ เป็นกรรมลิขิต ซึ่งเราเองเป็นผู้กระทำไว้ก่อนในอดีตทั้งสิ้น ดังนั้น จักทำอะไร พึงพิจารณาเรื่องกฎของกรรมนี้ให้รอบคอบ จิตจักได้เลือกสรรทำแต่กรรมดี ๆ ยิ่งกรรมที่จักนำไปสู่พระนิพพานนั้น พึงทำอยู่ในขอบเขตของศีล - สมาธิ - ปัญญาเท่านั้น จุดนี้พึงหมั่นเพียรให้มาก ๆ เวลานี้อย่าไปดูเหตุภายนอก ให้รับรู้ว่าเป็นธรรมดาของการมีอายตนะ จิตจำเป็นต้องรับรู้ รับรู้แล้วก็เพียรปล่อยวางให้ออกไปจากจิตให้ได้มากที่สุด อย่าฝืนธรรมแล้วจิตจักเป็นสุข เรื่องบุคคลที่เป็นมิจฉาทิฏฐิเข้ามาวุ่นวายอยู่ในเวลานี้ อย่าไปห่วงให้มาก ไม่นานเขาจักแพ้ภัยตัวเองไปเอง

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-07-2014 เมื่อ 16:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 42 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา