๑๒. ที่เจ้าสงสัยว่า การปฏิบัติพระกรรมฐาน ในเมื่อรู้ว่ารูปฌานและอรูปฌานเป็นเหตุทำให้จิตติดสุขในฌาน มีผลทำให้ต้องเกิดเป็นพรหมและอรูปพรหมได้ แล้วข้ามการรู้เรื่องฌานทั้ง ๒ ไปเลยไม่ได้หรือ ? ทรงตรัสว่า ข้ามไปไม่ได้หรอก เพราะร่างกายอาศัยอยู่ได้ด้วยลมหายใจเข้า - ออก คนเกิดมาจนกระทั่งตายไป หากไม่รู้จักคิด ตายไปก็ยังไม่รู้จักลมหายใจเข้า - ออกก็มี และที่เจ้าพิจารณาว่าคนเรานี่อยู่กับความสกปรกตลอดเวลา ที่ต้องอาบน้ำ -แปรงฟัน - ชำระสิ่งโสโครกอยู่ตลอดเวลา เพราะจิตต้องการความสะอาด คนที่ไม่รู้มองไม่เห็นความสกปรกของร่างกาย ก็ทำความสะอาดให้ร่างกายตั้งแต่วันเกิดไปจนถึงวันตาย แต่ก็ยังไม่เห็นความสกปรกของร่ายกายก็มีมาก
การบริโภคอาหารก็เช่นกัน เห็นแต่ความอร่อย ติดในรสของอาหาร กินอิ่มทุกมื้อคิดว่าเป็นสุขดี แต่ไม่เคยเห็นความสกปรก - ความเสื่อม - ความไม่เที่ยงของอาหารและของร่างกาย จนกระทั่งตายแล้วกลับมาเกิดใหม่อยู่อย่างนั้น ไม่หลุดพ้นจากอุปาทานขันธ์ ๕ ไปได้ ก็มีอยู่จำนวนมากสุดประมาณได้ ด้วยเหตุเหล่านี้แหละ จึงจำเป็นที่จักต้องรู้ รู้ถึงพ้นได้ ถ้าไม่รู้ก็ไม่พ้น จักพ้นรูป - พ้นนาม - พ้นกาย - พ้นจิต ก็ต้องเรียนรู้ ศึกษาของจริงกันอย่างนี้แหละ พระพุทธศาสนาแปลว่าผู้รู้ รู้ด้วยเหตุด้วยผล ด้วยมรรคผล ถึงซึ่งตัดกิเลสเป็นสมุจเฉทปหานได้ จึงจักเข้าถึงซึ่งพระนิพพานได้จริง ๆ ไม่ใช่เรื่องเหลวไหล พิสูจน์ได้ทุกกาลทุกเวลา
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-07-2014 เมื่อ 19:28
|