พระอาจารย์กล่าวว่า “เด็กยุคนี้มีใครกัดปลากัดกันบ้างไหม ? เด็กสมัยก่อนถ้าเลี้ยงปลากัด จะมีความสามารถในการดูแหล่งน้ำเพื่อหาแหล่งยุงหรือไรน้ำ ไม่อย่างนั้นจะไม่มีอะไรเลี้ยงปลากัด แต่สมัยนี้เขาเล่นอาหารเม็ดยันเตเลย แต่อาหารเม็ดดีตรงที่ว่าสารอาหารครบถ้วน ทำให้ปลากัดสีเข้มมาก ถ้าเด็กบ้านนอกเขาจะแยกปลากัดเป็น ๓ ประเภท จะมีลูกป่า ลูกหม้อ แล้วก็ลูกสังกะสี ปลากัดลูกป่านี่ไปหาช้อนเอาตามแหล่งน้ำทั่ว ๆ ไป ตัวก็ไม่ใหญ่มาก ต้องบอกว่าใน ๓ ประเภท ปลากัดลูกป่าจะตัวเล็กที่สุด ส่วนปลากัดลูกหม้อเป็นปลาที่เขาเลี้ยงกันมาจนกระทั่งนับรุ่นไม่ถ้วน จะตัวใหญ่กว่าปลากัดลูกป่าเกือบ ๒ เท่า แล้วสีจะเข้มมาก แดงจัด เขียวจัด น้ำเงินจัด
ความที่เขาเลี้ยงในหม้อดินเขาเลยเรียกว่าปลากัดลูกหม้อ จนกระทั่งกลายเป็นสำนวนว่าใครก็ตามที่อยู่ในหน่วยงานไหนนาน ๆ ก็จะเรียกว่าเป็นลูกหม้อ ส่วนปลากัดลูกสังกะสีเป็นลูกผสมระหว่างลูกหม้อกับลูกป่า ถ้าหากว่าลูกหม้อใหญ่สักเบอร์ L ไอ้สังกะสีนี่จะเป็นเบอร์ M ส่วนลูกป่าจะเป็นเบอร์ S
ไอ้ที่กัดอึดที่สุดก็คือลูกหม้อ ปล่อยลงไปกัดกันเมื่อไรก็โน่น พระตีกลองเพลยังไม่เลิกเลย บางทีเด็ก ๆ ออกไปแข่งขันยิงนกตกปลา เล่นโยนหลุม ทอยกอง ตั้งเตกันจนเบื่อแล้ว กลับมาดูก็ยังกัดอยู่นั่นแหละ ต้องบอกว่าปลากัดลูกหม้ออึดที่สุดแล้วก็ทนที่สุด ฉะนั้น..คนไหนที่อยู่สังกัดในหน่วยงานนาน ๆ เขาถึงได้เรียกพวกลูกหม้อ เพราะอยู่ทน ไม่รู้จักไปสักที”
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-06-2014 เมื่อ 20:34
|