พระอาจารย์เล่าว่า “ตอนนี้แม่ชีพิมพ์วรารอใจจดใจจ่อ รอคณะนิสิตที่ มจร.จะไปศรีลังกาวันที่ ๒๖ มิถุนายนนี้ อาตมาเตรียมของฝากให้ไปเพียบเลย โดยเฉพาะของกิน ที่ศรีลังกาเขากินเพื่ออยู่จริง ๆ มะพร้าวขูดแบบบ้านเรา ผัดกับเครื่องแกงแล้วคลุกข้าวกิน แม่ชีแกกินจนเซ็งแล้ว ขอปลากระป๋อง ขอน้ำพริก ขอปลาร้า ให้ยุ่งไปหมด ตอนนี้ไปเรียนภาษาอยู่เพราะว่ายังอ่านบาลีโรมันไม่ออก อาจารย์เขาถามว่าจบปริญญาตรีมาได้อย่างไร อ่านบาลีโรมันไม่ออก ก็เลยบอกว่า ของแม่ชีเรียนปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยข้างนอก ไม่ใช่มหาวิทยาลัยพระอย่าง มจร. แล้วเรียนปริญญาโท สาขาวิปัสสนาภาวนา เน้นการปฏิบัติอย่างเดียว เลยไม่ได้เรียนบาลีโรมัน อาจารย์จึงผ่อนผันให้ ตอนนี้ถ้าหากว่ากลับมาคงได้หลายภาษา คงได้สับสนกับชีวิตบ้าง พอใช้หลาย ๆ ภาษาบางทีอาตมาเองก็สับสนเหมือนกัน ต้องตั้งสติว่าตอนนี้อยู่ประเทศไหน ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวลืม
เคยฟังแขกพูดภาษาอังกฤษหรือเปล่า ? ฟังยากอย่าบอกใคร โชคดีที่อาจารย์ของ มจร.ส่วนใหญ่จบมาจากอินเดีย แล้วตอนเรียนที่สถาบันภาษา อาจารย์ท่านก็เปิดแต่หนังอินเดียให้ดู ทำให้อาตมาฟังจนกระทั่งชิน ไปเนปาลก็เลยสบาย ไม่อย่างนั้นแล้วฟังไม่รู้เรื่อง คือสำเนียงแปลกมากเลย แต่ชอบใจอยู่อย่าง คือเขากล้าสื่อสารกล้าพูด ไม่อาย พูดถูกพูดผิดพูดไว้ก่อน เข้าใจให้ได้ก็แล้วกัน
พวกเราส่วนใหญ่เก่งแต่ตัวหนังสือ พอไปพูดจริง ๆ มักจะใบ้รับประทาน เพราะฟังไม่ทัน ถึงฟังทันก็มัวแต่คิดเป็นภาษาไทย แปลกลับเป็นภาษาอังกฤษก็จะช้าไปใหญ่ ห้ามคิดเป็นภาษาไทย ต้องคิดเป็นภาษาของเขาเลย”
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-06-2014 เมื่อ 20:12
|