ถ้าทุกท่านต้องการจะไปพระนิพพาน อันดับแรกต้องมีศีลทุกสิกขาบทบริสุทธิ์บริบูรณ์ ไม่ละเมิดศีลด้วยตนเอง ไม่ยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นละเมิดศีล ไม่ยินดีเมื่อเห็นผู้อื่นละเมิดศีล หรือถ้าจะให้ดีกว่านั้น ถ้าสามารถพัฒนาขึ้นไปเป็นการรักษากรรมบถ ๑๐ ได้ก็จะยิ่งดี หลังจากนั้นก็ต้องทำความเคารพในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์อย่างจริงใจ ไม่ล่วงเกินด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง และมีปัญญารู้อยู่เสมอว่า เราต้องตายแน่นอน ความตายจะมาถึงเราเมื่อไรก็ตาม เราพร้อมที่จะไปพระนิพพาน
การที่พวกเราจะไปพระนิพพาน ก็ต้องยึดองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง เพราะว่าพระองค์ท่านสถิตอยู่ ณ พระนิพพาน ถ้าอย่างนั้นเราจึงควรนึกถึงรูปพุทธนิมิตองค์ใดองค์หนึ่งที่เรารักเราชอบ ว่านั่นเป็นภาพแทนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบนพระนิพพาน ตั้งใจว่าหากเราสิ้นอายุขัยตายลงไปก็ดี เจ็บไข้ได้ป่วยตายลงไปก็ดี เกิดอุบัติเหตุอันตรายใด ๆ ตายลงไปก็ดี เราขอไปอยู่กับองค์สมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่พระนิพพานแห่งเดียวเท่านั้น
เมื่อมาถึงตรงจุดนี้แล้ว ขอให้ท่านทั้งหลายกำหนดดู กำหนดรู้ลมหายใจเข้าออกของตนเองควบไปด้วย ถ้ายังมีลมหายอยู่ให้กำหนดรู้ลมหายใจ ถ้ายังมีคำภาวนาอยู่ ให้กำหนดรู้คำภาวนาไปด้วย ถ้าคำภาวนาขาดหายไป ลมหายใจหมดไป ก็กำหนดรู้อยู่เฉย ๆ ว่าเป็นเช่นนั้น อย่าดิ้นรนให้เป็นอย่างนั้นและอย่าไปหายใจใหม่ ถ้าเราสามารถวางกำลังใจนิ่ง ๆ ตามดูตามรู้อย่างเดียวได้ สภาพจิตก็จะดำเนินไปสู่สมาธิที่สูงยิ่ง ๆ ขึ้นไป
ลำดับต่อไปขอให้ทุกท่านภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา
พระครูวิลาศกาญจนธรรม
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันเสาร์ที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๕๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยคะน้าอ่อน)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-06-2014 เมื่อ 08:53
|