"พระสารีบุตรนิพพานก่อนพระพุทธเจ้า ๖ เดือน ท่านนิพพานวันลอยกระทงพอดี วันเพ็ญเดือน ๑๒ พระพุทธเจ้ารับเอาอัฐิมาแล้วสั่งให้ก่อสถูปไว้ที่ใกล้ประตูเชตวันมหาวิหาร พระโมคคัลลานะก็ปรินิพพานก่อน ตอนช่วงนั้นเหมือนพระพุทธเจ้าไม่มีใคร พระน้านางก็คือ พระนางปชาบดีโคตมีก็ลาไปนิพพาน
ถามว่าแต่ละคนล้วนแล้วแต่ไปก่อน ไม่คิดห่วงพระพุทธเจ้าเลยหรือ ? ตอบได้ ๒ แบบด้วยกัน คือแบบแรกพระระดับนั้น ท่านปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามวาระ ไม่มีความห่วงใยใด ๆ แล้ว
ประการที่ ๒ ท่านตรวจดูแล้วว่าโดยธรรมเนียมแล้ว ระหว่างพระอัครสาวกกับพระพุทธเจ้า ใครนิพพานก่อนกัน แล้วก็ได้คำตอบว่า พระอัครสาวกมีปกตินิพพานก่อน บางคนว่าเหมือนกับชิงตายก่อน กลายเป็นพระพุทธเจ้าต้องจัดงานศพให้
พระพุทธเจ้าจัดงานศพให้พระน้านางได้ยิ่งใหญ่อลังการมาก เพราะว่าท้าวมหาราชทั้ง ๔ เป็นคนแบกแคร่ศพ มีพระอินทร์เดินนำไปที่จิตกาธาน มีพระพรหมพร้อมทั้งหมู่เทวดาและพรหมเดินตามยาวเป็นโยชน์ แล้วพระพุทธเจ้าเสด็จตามไปพร้อมกับหมู่ภิกษุสงฆ์ คิดว่าคงไม่มีงานศพใครในประวัติศาสตร์ยิ่งใหญ่ไปกว่านี้อีกแล้ว ก็คงลักษณะคล้าย ๆ กับสมเด็จพระสังฆราชจัดงานศพให้แม่ แต่ว่าตั้งแต่ต้นจนบัดนี้ ยังไม่มีพระสังฆราชองค์ใดเหลือโยมแม่ให้จัดงานศพ ส่วนใหญ่โยมแม่ไปก่อนที่ลูกจะเป็นพระสังฆราช"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 03-07-2014 เมื่อ 13:59
|