ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 29-04-2014, 09:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,395
ได้ให้อนุโมทนา: 157,983
ได้รับอนุโมทนา 4,479,638 ครั้ง ใน 36,004 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระองค์ท่านต้องต่อสู้ฟันฝ่าประคับประคองเพื่อรักษาประเทศสยามเอาไว้ให้เป็นเอกราช สร้างความเจริญด้วยการสร้างทางรถไฟ สร้างการไปรษณีย์ การโทรเลข สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ล้วนแต่สร้างความยากลำบาก มีแต่ความทุกข์เป็นปกติ พระชนมายุของพระองค์ท่านจึงไม่ได้ยั่งยืนมากนัก ต้องเรียกว่าสิ้นพระชนม์เสียตั้งแต่ยังไม่ได้อยู่วัยชรา

มาถึงในหลวงรัชกาลที่ ๙ องค์ปัจจุบันของเรา พระองค์ท่านยิ่งต้องเหน็ดเหนื่อยมากกว่าบุรพมหากษัตริย์ในอดีตมากนัก เนื่องจากว่าประชากรมากขึ้นหลายเท่า ในสมัยรัชกาลที่ ๕ ของเรายังมีประชากรแค่สิบล้านกว่านิดหน่อย ในสมัยปัจจุบันมากกว่าเดิม ๖-๗ เท่า พระองค์ท่านต้องต่อสู้ฟันฝ่ากับความยากลำบากของชาวบ้าน พยายามที่จะให้ประชากรทุกคนอยู่ดีกินดี เหน็ดเหนื่อยมาตลอด ๖๐ กว่าปีที่ครองราชย์มา ปัจจุบันนี้ก็ทรงชราภาพมากแล้ว พระชนมายุ ๘๗ พรรษาแล้ว

เราจะเห็นว่าแม้แต่บุคคลที่เรียกได้ว่าเป็นเลิศ เป็นผู้นำ เป็นผู้ที่มีอำนาจสูงสุดในประเทศ ก็ยังประกอบไปด้วยความทุกข์ขนาดนี้ ตัวเราที่จะขึ้นชื่อว่าไม่ทุกข์นั้นไม่มี ถ้าตราบใดก็ตามที่เราเกิดมา เราก็จะต้องพบกับความทุกข์เช่นนี้เป็นปกติ ถ้าท่านทั้งหลายไม่ปรารถนาในการเกิดมาทุกข์เช่นนี้ ก็จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องปฏิบัติเพื่อที่จะตัด จะละ สละออกเสียซึ่งร่างกายและโลกนี้ เพื่อที่จะได้ก้าวพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน ก็ต้องมาดำเนินตามศีล สมาธิ ปัญญาที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสเอาไว้

เราต้องระมัดระวังรักษาศีลทุกสิกขาบทให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ ไม่ทำให้ศีลขาดด้วยตนเอง ไม่ยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นทำ ไม่ยินดีเมื่อเห็นผู้อื่นกระทำ สร้างเสริมสมาธิของเรา อย่างน้อยให้เป็นปฐมฌานที่คล่องตัว เพื่อที่จะมีกำลังในการช่วยตัดกิเลสได้ และท้ายที่สุดอย่างน้อยต้องมีปัญญาเห็นว่าเราจะต้องตายแน่นอน ขึ้นชื่อว่าถ้าตายแล้วเกิดมาทุกข์เช่นนี้เราไม่ต้องการอีก เพราะเราต้องการที่เดียวคือพระนิพพาน

ถ้าทุกท่านสามารถรักษาอารมณ์ใจนี้เอาไว้ได้ โอกาสในการที่จะก้าวพ้นจากกองทุกข์ของท่านก็จะสั้นลง หรือว่าหลุดพ้นไปเลย ลำดับต่อไปก็ให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันอาทิตย์ที่ ๖ เมษายน ๒๕๕๗

(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยรัตนาวุธ)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-04-2014 เมื่อ 12:44
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 48 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา