ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 22-04-2014, 13:05
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,395
ได้ให้อนุโมทนา: 157,983
ได้รับอนุโมทนา 4,479,638 ครั้ง ใน 36,004 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

๕. ญาณ คือเครื่องรู้ปรากฏขึ้น สิ่งหนึ่งสิ่งใดที่ปรากฏขึ้นมาต่อเรา ไม่ว่าจะเป็นการกระทบทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ ครุ่นคิดอย่างไรก็เป็นอรรถเป็นธรรมไปหมด สามารถที่จะสาวไปถึงสาเหตุต่าง ๆ สืบเนื่องต่อกันอย่างมีเหตุมีผล ทำให้บางท่านเข้าใจว่าบรรลุมรรคผลแล้ว แต่ถ้ารู้จักสังเกตดี ๆ จะเห็นว่าเป็นการหลอกให้เราคิด เสียเวลาไปสืบสาวราวเรื่องไปเรื่อย ๆ ยิ่งคิดก็ยิ่งกว้างออกไป ๆ เหมือนอย่างกับพายเรือออกทะเลสู่มหาสมุทร ท้ายสุดก็หาฝั่งกลับไม่เจอ

ถ้าสังเกตเป็นจะเห็นว่าเราคิดแล้วรู้เข้าใจทุกเรื่องยกเว้นเรื่องการตัดกิเลส ท่านที่โง่ก็น้อมใจเชื่ออย่างชนิดหัวทิ่มหัวตำ ต่อให้คนอื่นเห็นว่าไม่ดีอย่างไร ตัวเองก็ปักใจเชื่อ บางทีมีทรัพย์สินเงินทองเท่าไรก็ทุ่มเทให้หมด สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ขอให้ทราบว่าเป็นอาการของอุปกิเลสเท่านั้น ไม่ใช่ว่าเราไม่มีกิเลส ก็เลยไม่ได้ต้องการแม้กระทั่งปัจจัย ๔ ต่าง ๆ

๖. สุข มีความสุข เย็นกายเย็นใจอย่างบอกไม่ถูก จนคิดว่าเป็นความสุขจากการหลุดพ้น แต่เป็นเพียงความสุขจากการกดกิเลสได้ชั่วคราวเท่านั้น

๗. อุปัฏฐาน มีสติมั่นคงอย่างน่าอัศจรรย์ สามารถรู้เท่าทันไปหมดว่ากิเลสอะไรจะเกิด สามารถระวังป้องกันได้แบบทันท่วงที คิดว่าบรรลุมรรคผลแล้ว ความจริงเป็นผลจากฌานละเอียด ทำให้สติปัญญาดีขึ้นเท่านั้น

๘. อธิโมกข์ มีความเชื่อแบบสุดชีวิตจิตใจ เพราะสัมผัสกับความสุขความสงบด้วยตัวเอง ใครว่าใครเตือนอะไรก็ไม่ฟัง มักจะทำบุญแบบทุ่มเทจนหมดตัวก็ไม่เสียดาย จนเกิดความเดือดร้อนแก่ตนเองและคนรอบข้าง

๙. อุเปกขา มีความสงบ ตั้งมั่น ไม่หวั่นไหว รัก โลภ โกรธ หลง อะไรมากระทบก็เฉย จนคิดว่าได้มรรคได้ผลแน่แล้ว ความจริงเป็นผลจากฌานสมาบัติเท่านั้น

๑๐. นิกันติ มีความปรารถนาอยากได้ใคร่ดีต่าง ๆ น้อยมาก รัก โลภ โกรธ หลง ปรากฏขึ้นเบาบางเหลือเกิน บางที ๓ เดือน ๖ เดือน จะโผล่หน้ามาสักนิดหนึ่ง แต่ถ้าเกิดสมาธิคลายตัวเมื่อไร ก็จะมาแบบฟ้าถล่มดินทลาย สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ต้องระมัดระวังไว้ให้ได้

ดังนั้น..พวกเราควรที่จะศึกษาวิปัสสนูปกิเลสไว้บ้าง เพื่อที่จะได้รู้ว่าอุปกิเลสนั้นมีอะไร เวลาไปพบเห็นด้วยตัวเองแล้ว ไปยึดมั่นถือมั่นว่าตอนนี้เราเป็นอย่างนั้น ตอนนี้เราเป็นอย่างนี้ ถ้าแค่ยึดมั่นถือมั่นก็ยังเสียหายผู้เดียว แต่ถ้าถึงขนาดเที่ยวพยากรณ์มรรคผลของตนเองและผู้อื่นก็จะเสียหายมาก ถ้าเป็นผู้ที่มีปัญญา ไม่เชื่อถือ ยังตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติอยู่ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าเป็นผู้ที่มั่นใจว่าตนเองได้มรรคได้ผลแล้ว ไม่ปฏิบัติต่อ ก็เสียประโยชน์ของตนเอง

ฉะนั้น..เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ เป็นเรื่องที่ปรากฏต่อบุคคลที่ตั้งใจปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้นเป็นปกติ จะช้าจะเร็วก็ต้องมาถึง และมีจุดอ่อนอยู่ตรงที่ว่า เราสัมผัสเอง เราพบเห็นเอง เราจึงน้อมใจเชื่อโดยไม่ฟังใคร อาจจะทำให้เราเสียประโยชน์ หลงทางไปไกลจากมรรคจากผล อาจจะเสียเวลาไปนาน กว่าจะย้อนกลับมาทางที่ถูกที่ตรง แล้วถ้าช่วงนั้นเกิดล่วงลับดับขันธ์ตายไปเสียก่อน ก็เข้าไม่ถึงมรรคผลที่ตัวเองต้องการ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-04-2014 เมื่อ 14:31
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา