ถ้ากำลังปัญญาของเราเห็นเช่นนี้ ก็จะมีความเคารพในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อย่างแน่นแฟ้นและจริงใจ มีความปรารถนาในพระนิพพานเป็นปกติ เราก็แค่มาทบทวนศีลทุกสิกขาบทของเราให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ ไม่ละเมิดศีลด้วยตนเอง ไม่ยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นละเมิดศีล ไม่ยินดีเมื่อเห็นผู้อื่นละเมิดศีล
เมื่อเราทวนศีลทุกสิกขาบทบริสุทธิ์บริบูรณ์แล้ว ก็จงอย่าลืมว่า เรามีความตายเป็นปกติ ขึ้นชื่อว่าเกิดมาจะไม่ตายนั้นไม่มี ในเมื่อตายแล้วต้องเกิดใหม่ก็ประสบกับความทุกข์เช่นนี้อีก เราไม่ต้องการ เราขอไปพระนิพพาน ซึ่งเป็นสถานที่พ้นจากความทุกข์แห่งเดียวเท่านั้น
เมื่อสภาพจิตของเรามีที่ยึดเกาะสุดท้ายคือพระนิพพานแล้ว ก็ให้ทุกท่านดูลมหายใจเป็นหลัก ถ้ายังมีลมหายใจอยู่ ให้กำหนดดู กำหนดรู้ลมหายใจ ถ้ายังมีคำภาวนาอยู่ กำหนดคำภาวนาไปด้วย ถ้าลมหายใจเบาลงหรือว่าหายไป คำภาวนาขาดหายไป ให้ทำใจรับรู้ว่าสภาพตอนนี้เป็นเช่นนั้น อย่าไปดิ้นรนอยากหายใจ และอย่าพยายามที่จะไม่หายใจ ทำใจสบาย ๆ ว่าเรามีหน้าที่ภาวนา อะไรจะเกิดขึ้นก็ช่าง ถ้าตายแล้วเราขอไปพระนิพพานที่เดียว ให้ทุกคนรักษากำลังใจเอาไว้ดังนี้ จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา
พระครูวิลาศกาญจนธรรม
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันศุกร์ที่ ๔ เมษายน ๒๕๕๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยทาริกา)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-04-2014 เมื่อ 03:09
|