"พระอนุรุทธองค์หนึ่ง พระมหากัสสปะองค์หนึ่ง ท่านชอบดูอุปนิสัยสัตว์โลก พระมหากัสสปะไม่มีปัญหา เพราะว่าท่านบรรลุธรรมแล้ว ท่านถึงได้ไปดู ส่วนพระอนุรุทธะท่านดูตั้งแต่ยังไม่บรรลุธรรม ก็เลยเพลินอยู่อย่างนั้น เพราะว่าอยู่ในสมาธิตลอด กิเลสไม่เกิด ในเมื่อกิเลสไม่เกิดจึงไม่ได้ดิ้นรนขวนขวายอะไรเพิ่มขึ้น จนกระทั่งพระพุทธเจ้าต้องเสด็จไปตรัสบอก จึงได้เร่งปฏิบัติจนกระทั่งได้อรหัตผล
แต่ที่อัศจรรย์กว่านั้นก็คือพระอานนท์ พระอานนท์เป็นเสขบุคคลคือเป็นพระโสดาบัน พระอานนท์อุปัฏฐากพระพุทธเจ้าตลอด ๒๕ ปีสุดท้ายท่านบอกว่าไม่เคยเกิดกามสัญญาขึ้นเลยแม้แต่น้อย ไม่เคยเกิดปฏิฆสัญญาขึ้นเลยแม้แต่น้อย สมาธิทั้งหมดทุ่มเทอยู่กับงานตรงหน้า จะไปแวบคิดถึงเพศตรงข้ามแม้แต่นิดเดียวก็ไม่มี ทั้ง ๆ ที่ทำหน้าที่อยู่ตรงนั้นมีสารพัดคนที่จะต้องผจญกับเขา โทสะจะเกิดสักนิดก็ไม่เคยมี
ตอนนี้ถือว่าอัศจรรย์..เพราะท่านเป็นแค่พระโสดาบัน ก็แปลว่าพระอานนท์เริ่มอุปัฏฐากรับใช้พระพุทธเจ้าตอนที่พระอานนท์อายุ ๕๕ ปี พระอานนท์ปฏิบัติหน้าที่อยู่ ๒๕ ปีเต็ม ไม่มีเวลาปฏิบัติเพื่อมรรคผลของตัวเอง เพราะว่าบางทีท่านเดินอยู่รอบคันธกุฎีแทบทั้งคืน ท่านใช้คำว่าจุดคบไฟอันใหญ่เดินวนอยู่อย่างน้อยคืนละ ๔ รอบ
๔ รอบนี่หมายถึง ๔ ครั้ง ไม่ใช่หมายถึงเดินรอบกุฏิ ๔ รอบ แต่ละครั้งบางทีอาจจะเดินไปครึ่งค่อนชั่วโมง เพราะท่านเกรงว่าถ้าพระพุทธเจ้าตื่นบรรทมเวลาไหนแล้วตรัสเรียก ท่านอาจจะไม่ได้ยิน พอพระพุทธเจ้าท่านไปพระนิพพาน ท่านจึงเร่งปฏิบัติธรรม ได้เป็นพระอรหันต์ก่อนสังคายนาแค่ชั่วข้ามคืน ก็คือบรรลุตอนใกล้รุ่ง รุ่งเช้าก็เริ่มสังคายนา ท่านบรรลุธรรมตอนอายุ ๘๐ ปี ก็แปลว่าเริ่มถวายการรับใช้พระพุทธเจ้าตอนอายุ ๕๕ ปี บวก ๒๕ ปีก็เป็น ๘๐ แล้วยังอยู่มาจนอายุ ๑๒๐ ปีถึงได้ไปพระนิพพาน
ปรากฏว่าตอนจะไปพระนิพพานมีปัญหา เพราะว่าพอสิ้นพระพุทธเจ้า บรรดาญาติเขามายึดพระอานนท์กัน เพราะพระอานนท์เป็นผู้ใกล้ชิดพระพุทธเจ้า พระญาติทั้ง ๒ ฝั่ง ทั้งฝั่งศากยวงศ์และฝั่งโกลิยวงศ์ คือญาติข้างพ่อและญาติข้างแม่ ยกทัพมารอว่าท่านจะไปพระนิพพานเมื่อไร เตรียมจะแย่งอัฐิธาตุกัน พระอานนท์ก็เลยต้องเหาะขึ้นไปกึ่งกลางแม่น้ำโรหิณี แม่น้ำที่พระญาติแย่งน้ำกันจนพระพุทธเจ้าต้องไปห้าม ที่เรียกว่าปางห้ามญาติ พระอานนท์อธิษฐานเตโชธาตุเผาตัวเอง แล้วให้อัฐิหล่นลงไปฝั่งละซีก ทำให้ไม่ต้องทะเลาะกัน
การปฏิบัติของพระพุทธเจ้าท่านบอกว่าประกอบไปด้วย โลกัตถจริยา กระทำเพื่อโลก ญาตัตถจริยา กระทำเพื่อญาติ พระอานนท์ก็เลียนพุทธจริยานี้มา ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวญาติได้ฆ่ากันตาย เพราะต่างคนต่างจะเอาอัฐิไปบูชา"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-03-2014 เมื่อ 02:41
|