พระอาจารย์เล่าว่า "เมื่อครู่ได้สัมภาษณ์ ดร. สันติ เกี่ยวกับการปฏิบัติธรรม จึงได้บอกไปว่าการเรียนปริญญาเอก ต่อให้ไม่ต้องรับปริญญาก็ไม่เป็นไร เพราะว่าประสบการณ์ที่ได้จากผู้ทรงคุณวุฒิแต่ละท่าน เป็นสิ่งที่เราไม่ต้องไปศึกษาเอง ๒๐ – ๓๐ ปี ถาม ๆ แล้วก็ได้ข้อมูลมา
จากประสบการณ์มุมมองของหลาย ๆ ท่านโดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับแนวทางการปฏิบัติ ระยะเวลาที่เหมาะสม ตลอดจนความพร้อมของสถานที่ อย่างเมื่อครู่นี้ ดร.สันติท่านสรุปว่า “สำคัญที่สุดคือตัวครูบาอาจารย์ ถ้าครูบาอาจารย์โอเค อย่างอื่นถือเป็นส่วนประกอบที่ทนได้” มิน่า..วัดท่าขนุนหาความพร้อมไม่ได้เลย แต่โยมก็ไปกันจัง อย่างอื่นเป็นแค่ส่วนประกอบเท่านั้นเอง
ตรงมุมนี้เราต้องอาศัยมุมมองของคนข้างนอกที่เป็นกระจกสะท้อนเข้ามา โดยเฉพาะว่าการปฏิบัติในช่วงเช้า อาตมาเองหวังจะซักซ้อมให้ญาติโยมมีความคล่องตัวในการเข้าออกฌานและทรงฌานใช้งาน แต่โยมส่วนใหญ่นั่งกรรมฐานเสร็จขยับมาจะทำวัตรก็มักจะหลุดเกือบหมดแล้ว
อย่างที่ดร. สันติท่านว่ามาก็ใช่ คือว่าการปฏิบัติช่วงเช้าสำคัญ ถ้าปฏิบัติแล้วรักษาอารมณ์ไว้ได้ก็จะเป็นประโยชน์แก่ตัวเองไปทั้งวัน กะว่าถ้าจะปรับปรุงก็คือทำวัตรเสร็จแล้วก็เจริญกรรมฐานซ้ำอีกสัก ๑๕ – ๒๐ นาที ไม่อย่างนั้นพวกเราลุกขึ้นก็หล่นหายหมด"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-03-2014 เมื่อ 19:01
|