หลังจากนั้นต้องตั้งกำลังใจของเราให้แน่วแน่ มั่นคงต่องานที่ทำ คือการภาวนา ต่อเป้าหมายที่ต้องการคือพระนิพพาน ต้องแน่วแน่มั่นคง จริงจัง จริงใจในการภาวนา อย่างเช่นตั้งใจว่า เราจะจับลมหายใจเข้าออกโดยไม่คิดถึงเรื่องหนึ่งเรื่องใดเลยให้ครบ ๒๐ คู่ ก็ต้องทำให้ครบ ๒๐ คู่ให้ได้ ตั้งใจว่าเราตายแล้วจะไปพระนิพพาน ก็ต้องกระทำกาย วาจา ใจของเราทุกอย่างให้เป็นไปเพื่อพระนิพพาน
ถ้าเราตั้งกำลังใจอย่างนี้แล้ว ดูลมหายใจเข้าออกไปครู่หนึ่ง เมื่อกำลังใจเริ่มมั่นคง ก็ให้แผ่เมตตาออกไปสู่สรรพสัตว์ทั้งหลาย ตั้งใจว่าเราไม่เป็นศัตรูกับใคร เรายินดีเป็นมิตรกับคนและสัตว์ทั่วโลก สรรพสัตว์ทั้งหลายท่านใดตกอยู่ห้วงทุกข์ กองทุกข์ ขอให้พวกท่านทั้งหลายเหล่านั้นจงล่วงพ้นจากความทุกข์ ท่านใดที่มีความสุขก็ขอให้เขาทั้งหลายเหล่านั้นมีความสุขยิ่ง ๆ ขึ้นไป การแผ่เมตตาจะทำให้อารมณ์ของเราสงบ เยือกเย็น สนับสนุนศีลของเราให้สมบูรณ์บริบูรณ์ได้ง่ายขึ้น ทำให้กำลังใจของเราชุ่มชื่น เบิกบาน ไม่รู้สึกแห้งแล้ง มีความอยากจะปฏิบัติธรรมมากขึ้น
ลำดับต่อไปสิ่งที่เราจำต้องระลึกถึง ก็คือ ความตายที่จะมาถึงเราอยู่ตลอดเวลา ถ้าเราหายใจเข้าไม่หายใจออก ความตายก็มาถึงแล้ว เราหายใจออกไม่หายใจเข้า ความตายก็จะมาถึงเช่นกัน ในเมื่อความตายอยู่แค่ปลายจมูกของเรานี่เอง ถ้าเราตายแล้วลงอบายภูมิก็แปลว่าขาดทุนย่อยยับ แม้กระทั่งเกิดมาเป็นมนุษย์ก็ยังต้องทนทุกข์อยู่ อย่างเช่นการที่ลำบากเดือดร้อนจากสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบันของเรา
ดังนั้น..ขึ้นชื่อว่าการเกิดมาที่มีความทุกข์เช่นนี้เราไม่พึงปรารถนาอีก เทวโลก พรหมโลก ที่พ้นทุกข์ชั่วคราวเพียงชั่วคราวเราก็ไม่ต้องการ ทำใจปลดจากสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ แม้กระทั่งอัตภาพร่างกายนี้เราก็ไม่ต้องการ เราต้องการอยู่อย่างเดียวคือพระนิพพาน
หลังจากนั้นให้กำหนดภาพพระองค์ใดองค์หนึ่งที่เรารัก เราชอบมากที่สุด หายใจเข้าให้ภาพพระไหลตามลมหายใจเข้าไปพร้อมกับคำภาวนา หายใจออกให้ภาพพระไหลออกมาพร้อมกับคำภาวนา พยายามตามดู ตามรู้ลมหายใจเข้าออกลักษณะอย่างนี้ ถ้าลมหายใจเบาลงให้กำหนดรู้ว่าลมหายใจเบาลง ถ้าลมหายใจหายไป คำภาวนาหายไป ก็ให้กำหนดภาพพระไว้เฉย ๆ ตั้งใจว่านั่นคือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่อยู่บนพระนิพพาน ถ้าเราหมดอายุขัยตายลงไปก็ดี เกิดอุบัติเหตุอันตรายใด ๆ ถึงแก่ชีวิตก็ดี เราขอมาอยู่ที่พระนิพพานกับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแห่งเดียวเท่านั้น ให้ทุกคนรักษากำลังใจของตนเอาไว้อย่างนี้ จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา
พระครูวิลาศกาญจนธรรม
เทศน์ช่วงกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันอาทิตย์ที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยรัตนาวุธ)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-01-2014 เมื่อ 15:59
|