ดูแบบคำตอบเดียว
  #1  
เก่า 05-01-2014, 19:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,716
ได้ให้อนุโมทนา: 158,649
ได้รับอนุโมทนา 4,491,243 ครั้ง ใน 36,326 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันอาทิตย์ที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๖

ให้ทุกคนขยับนั่งในท่าที่สบายของตนเอง กำหนดความรู้สึกทั้งหมดของเราอยู่ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจออกมา ให้ใช้คำภาวนาที่เรามีความถนัดมาแต่ดั้งเดิม

วันนี้เป็นวันอาทิตย์ ที่ ๑ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๖ ต้องถือว่าเป็นการปฏิบัติต้นเดือนครั้งสุดท้ายและวันสุดท้ายของปี ๒๕๕๖ นี้ ทั้ง ๆ ที่สถานการณ์บ้านเมืองตอนนี้ไม่ค่อยจะดีนัก แต่ญาติโยมทั้งหลายก็ยังมาปฏิบัติธรรมกันมาก ถือว่าท่านทั้งหลายมีกำลังใจที่จะประพฤติปฏิบัติในศีล สมาธิ ปัญญา อยู่ในระดับที่ยอมมอบกายถวายชีวิต ดังที่เราได้ปฏิญาณในตอนสมาทานพระกรรมฐานจริง ๆ

ในสถานการณ์แบบนี้เราย่อมต้องมีความห่วง ความกังวลเป็นธรรมดา อย่างเช่นว่าการเดินทางกลับจากที่นี้จะมีความสะดวกหรือไม่ ? จะมีความปลอดภัยหรือไม่ ? เรือนชานบ้านช่องของเราตอนนี้เป็นอย่างไร ? สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ต้องบอกว่าครูบาอาจารย์ท่านแนะนำให้ทิ้งให้หมด ท่านใช้คำว่า ปลิโพธะ หรือเรียกง่าย ๆ ปลิโพธิ คือความกังวลในเรื่องอื่น ๆ ตัดออกจากใจของเราเสีย เรื่องที่ยังมาไม่ถึงเป็นอนาคต คิดไปก็ไร้ประโยชน์ เรื่องที่ผ่านมาแล้วเป็นอดีต คิดไปก็ไร้ประโยชน์ เราต้องทำปัจจุบันของเรา คือตอนนี้ เดี๋ยวนี้ให้ดีที่สุด

เมื่อตัดความกังวลออกจากใจแล้ว ก็ให้พิจารณาดูว่า ตอนนี้กำลังใจของเรามีนิวรณ์ คือกิเลสหยาบที่กั้นไม่ให้เข้าถึงความดีทั้ง ๕ อย่างอยู่หรือไม่ ? ถ้านิวรณ์ ๕ อย่างใดอย่างหนึ่งมีอยู่ แสดงว่าสภาพจิตของเราไร้คุณภาพ ถ้าไม่มีนิวรณ์ ๕ ก็แสดงว่าสภาพจิตของเราอย่างน้อยก็ทรงตัวอยู่ในระดับดี

นิวรณ์ทั้ง ๕ ได้แก่ กามฉันทะ ความยินดีในรูปสวย เสียงเพราะ กลิ่นหอม รสอร่อย สัมผัสระหว่างเพศ เป็นต้น ถ้าจิตไปประหวัดถึงเมื่อไร แปลว่าคุณภาพของใจเราเสียไปแล้ว พยาบาท ความนึกโกรธเกลียดอาฆาตผู้อื่น อย่างเช่นว่าบรรดาผู้ที่มาเดินขบวนประท้วงรัฐบาลทำให้รถติด ทำให้เราต้องเดือดร้อน แล้วไปโกรธเกลียดอาฆาตแค้นเขา ถ้ามีอย่างนี้อยู่แสดงว่านิวรณ์ ๕ ครองใจเราอย่างเต็มที่ ต้องรีบขับไล่ออกไปเสีย

ถีนมิทธะ ความง่วงเหงาหาวนอนตลอดจนกระทั่งความขี้เกียจปฏิบัติ อย่าให้มีขึ้นในใจของเราได้ อุทธัจจะกุกกุจจะ ความฟุ้งซ่านหงุดหงิดรำคาญใจ ถ้ามีอยู่ในใจของเรา อารมณ์ไม่สามารถที่จะทรงตัวเป็นสมาธิระดับสูงขึ้นไปได้ และข้อสุดท้ายคือวิจิกิจฉา ลังเลสงสัยในคุณพระรัตนตรัยก็ดี ลังเลสงสัยในผลของการปฏิบัติก็ดี สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ต้องขับไล่ออกจากใจเราเสียให้หมด
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 06-01-2014 เมื่อ 21:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 63 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา