ดังนั้น..พวกเราทุกคนควรจะเข็ด ควรจะกลัว ควรจะเบื่อหน่าย ในสภาพของบ้านเราเมืองของเรา ที่วุ่นวายหาที่สิ้นสุดไม่ได้ มีแต่จะทำให้ประเทศชาติถดถอย มีแต่จะทำให้ต้องลำบากในการทำมาหากินมากขึ้นอีกหลายเท่า เมื่อเรารู้จักเข็ด รู้จักกลัว รู้จักเบื่อ เราก็ควรที่จะแสวงหาทางหลุดพ้น ซึ่งก็คือเราจะต้องปฏิบัติตามอริยมรรคมีองค์ ๘ ได้แก่ ศีล สมาธิ ปัญญา ดังที่กล่าวมาแล้ว โดยตั้งกำลังใจเอาไว้ตอนท้ายว่า ถ้าเราตายลงไปเมื่อไร ขอไปอยู่กับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่พระนิพพานเท่านั้น
เมื่อกำลังใจของเราแน่วแน่มั่นคงต่อเป้าหมายแล้ว ก็มาดูลมหายใจเข้าออกของเราเป็นหลัก ถ้ามีลมหายใจอยู่ กำหนดรู้ตามลมหายใจไป จะเป็น ๓ ฐาน ๕ ฐาน ๗ ฐาน หรือไม่เอาฐานเลยก็ได้ ถ้ามีคำภาวนาอยู่ กำหนดคำภาวนาไปด้วย ถ้าลมหายใจขาดหายไป คำภาวนาขาดหายไป ก็กำหนดรู้ไว้เฉย ๆ ว่าตอนนี้ลมหายใจไม่มี คำภาวนาไม่มี อย่าไปดิ้นรนหาลมหายใจใหม่ แล้วในขณะเดียวกัน ก็อย่าอยากให้เข้าไปถึงสภาพอย่างนั้น ให้ทำใจสบาย ๆ ว่าเรามีหน้าที่ภาวนา ส่วนกำลังใจจะได้แค่ไหนก็ไม่เป็นไร ได้มากก็เอามาก ได้น้อยก็เอาน้อย เป็นต้น
ขอให้ทุกคนรักษาสภาพกำลังใจของตน เกาะพระนิพพาน เกาะภาพพระไว้เป็นปกติ จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา
พระครูวิลาศกาญจนธรรม
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันศุกร์ที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยทาริกา)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-12-2013 เมื่อ 02:07
|