พระอาจารย์กล่าวว่า "เวลาไปดูในเว็บไซต์ต่าง ๆ เขาเขียนถึงบรรดาครูบาทางเหนือ ใช้คำว่า "ครูบาเจ้า" ก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจ เพราะคำว่าครูบาเจ้ามีที่มาที่ไปชัดเจน อันดับแรกคือบุคคลที่มีเชื้อสายเจ้า ๗ ตนของทางเหนือบวชเข้ามา ชาวบ้านจะเรียกว่าครูบาเจ้า อย่างเช่น ครูบาเจ้าเกษม เขมโก วัดสุสานไตรลักษณ์ ท่านเป็นเชื้อเจ้าลำปาง
อีกส่วนหนึ่งก็คือ เขาทำพิธียกขึ้น เป็นพระที่ได้รับความเคารพจากชาวบ้านมากเป็นพิเศษ ทำพิธีสวดยกขึ้นในท่ามกลางสงฆ์ให้ยกขึ้นเป็นครูบาเจ้า อย่างเช่น ครูบาเจ้าศรีวิชัย วัดบ้านปาง ถ้าไม่ได้อยู่ใน ๒ ฐานะนี้ เรียกว่าครูบาเจ้าไม่ได้
ปัจจุบันนี้เชื้อสายเจ้า ๗ ตนก็หายากมาก โอกาสแทบไม่มี ครูบาเจ้าที่ได้รับการสวดยกขึ้น ปัจจุบันนี้ได้ยินอยู่ท่านเดียว ก็คือครูบาเจ้ามนตรี ธมฺมเมธี วัดสุโทนมงคลคีรี ที่จังหวัดแพร่ ทางด้าน ๑๒ ปันนาทำพิธีสวดยกขึ้น เพราะว่าท่านไปสร้างคุณประโยชน์ให้กับเขามาก
บางทีหนังสือพิมพ์บางแห่งเขาใช้คำว่าครูบาบ่มแก๊ส เร่งให้โตเร่งให้สุก เพราะปกติส่วนใหญ่สมัยก่อนจะบวชกันมา ๒๐ - ๓๐ พรรษา สร้างคุณประโยชน์ให้กับชาวบ้านมาก เขาถึงได้เรียกว่าครูบา ซึ่งมาจากครูบาอาจารย์นั่นแหละ อย่างสมัยก่อนเรียก บาจารี ก็คืออาจารย์ผู้เป็นแบบอย่าง เป็นทั้งครู เป็นทั้งอาจารย์เขา ก็เลยเรียกสั้น ๆ ว่าครูบา
ปัจจุบันนี้ในเมื่อต่างคนต่างเรียกกันเป็นปกติ ก็เรียกกันไปตามนั้น แต่ถ้าถึงขนาดครูบาเจ้า อาตมาซึ่งรู้ที่มาที่ไป รู้สึกค่อนข้างจะเกินไป คือคนเรียก ๆ ด้วยความเคารพแต่ไม่รู้ที่มา คนรับก็ไม่รู้เหมือนกันว่าได้ทักท้วงบ้างหรือเปล่าว่าไม่ถูกต้อง เลยจะทำให้ไปกันใหญ่ จำเป็นที่จะต้องคอยเตือนสติกันไว้หน่อย ถ้าไม่รู้ธรรมเนียมเก่า ๆ แล้วไปทำผิด ก็จะผิดต่อไปเรื่อย ๆ"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-12-2013 เมื่อ 02:53
|