ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ : ไม่เป็นไร...เดี๋ยวค่อยชวน เดี๋ยวเขาใจอ่อนก็มาเอง สมัยฆราวาสอาตมาใช้เวลา ๗ ปี พาเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งเข้าวัด แรก ๆ อาตมาเขียนบทความเกี่ยวกับการสะสมดวงตราไปรษณียากรหรือแสตมป์ เขียนไปเขียนมา ก็มีการแจกแสตมป์ เขาก็ติดต่อมา หลังจากนั้นก็เห็นว่าบ้านใกล้กัน เลยไปมาหาสู่กัน
คราวนี้เวลาไปไหนเขาก็ไปด้วย เพราะเขายังไม่มีเพื่อนผู้ชาย จะไปกินไปเที่ยวไปดูหนังฟังเพลงอะไรก็ไป แต่ถ้าถึงเวลาวัดท่าซุงมีงาน หรือว่าหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านมาบ้านสายลม อาตมาจะบอกเขาว่า ช่วงนี้ไม่ไปด้วย เพราะต้องไปวัด เขาเองก็ไม่ได้ว่าอะไร ไม่ได้ขอตามมา ปีหนึ่งก็แล้ว ๒ ปีก็แล้ว ๓ ปีก็แล้ว ๗ ปีผ่านไป เขาถามว่าวัดมีอะไรดี ถึงได้ไปทุกเดือน เลยบอกเขาว่าถ้าอยากรู้ให้มาเอง เขาก็ตามมา ปรากฏว่าเอาเขาไปฝึกมโนมยิทธิแล้วได้เลย ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่ต้องเสียเวลาชวน เขามาเอง
ต้องบอกว่าบางทีกว่าวาระเขาจะเปิดให้ก็นาน แรก ๆ ถ้าอยู่ ๆ เราไปนำเสนอ ถ้าเขาไม่สนใจก็ไม่ว่า แต่ถ้าอาจจะมีการปรามาสแล้วจะเกิดโทษกับตัวเอง ก็เลยใช้วิธีนี้แหละ ถึงเวลาไปไหนไปด้วย แต่ถ้าตรงกับบ้านสายลมหรืองานที่วัดก็ทิ้งเขาไปงานที่วัด เลยเป็นการวัดความอดทนว่าใครทนกว่า อาตมาไม่ได้ทนหรอก เพราะทำเป็นปกติอย่างนี้อยู่แล้ว
แต่ฝ่ายที่ต้องทนก็คือเขา เพราะปกติไปไหนไปด้วย พอมีงาน..ก็ไม่ไป ๆ ในที่สุดเขาแปลกใจ เอ่ยปากถามเอง กว่าจะถามผ่านไป ๗ ปีเต็ม ๆ ตั้งแต่อาตมาอายุ ๑๘ ปี จนถึงอายุ ๒๕ ปี แล้วหลังจากนั้น ๒ ปี เขาเข้าวัดเอง พอปีที่ ๓ อาตมาก็บวช สรุปว่า ๘ ปี ถ้าอาตมาบวชเสียก่อนเขาคงไม่ได้เข้าวัด
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-12-2013 เมื่อ 03:02
|