ถาม : คำว่ามีวิปัสสนานำหน้าและสมถะตามหลัง แปลว่าอย่างไรครับ ?
ตอบ : พิจารณาไปเรื่อย ๆ สภาพจิตจะน้อมดิ่งเข้าไป จนกระทั่งกลายเป็นสมาธิไปเอง ขณะที่พิจารณาสมาธิจะค่อย ๆ เกิดขึ้น เพราะถ้าสมาธิไม่เกิด กำลังจะไม่พอตัดกิเลส ก็เลยกลายเป็นการเอาวิปัสสนานำหน้า แล้วในที่สุดสมถะก็จะตามมา แต่ถ้าลักษณะอย่างนี้ต้องปัญญาเยอะจริง ๆ ไม่อย่างนั้นแล้วกิเลสตีหงายท้องไปเสียก่อน
แต่ถ้าจะใช้สมถะในการหยุดยั้งกิเลสไว้ก่อน แล้วค่อยใช้กำลังพิจารณาทีหลังจะปลอดภัยกว่า แต่ก็จะมีโอกาสเผลอสติ ติดสุขอยู่ในสมาธินั้นจนลืมพิจารณา ต่างคนต่างก็มีข้อบกพร่องของตัวเอง จึงควรที่จะทำคู่กันไป สลับกันเดิน พิจารณาไปจนกระทั่งสมาธิเกิด แล้วก็หันมาภาวนา ภาวนาเสร็จไปต่อไม่ได้ ก็คลายออกมาพิจารณา จะผลัดกันเดินอย่างนี้จึงจะก้าวหน้า
ถาม : ไปพร้อมกันไม่ได้
ตอบ : เป็นไปไม่ได้ ลองเดิน ๒ ขาพร้อมกันดูสิ ก็กลายเป็นนกกระจอกเท่านั้น คือกระโดดไปอย่างเดียว นกกระจอกก้าวเดินไม่เป็น
ถาม : พอทำสมาธิถึงระดับหนึ่งแล้วผ่อนลงมาคิด ?
ตอบ : ความเคยชินทำให้เราคลายลงมาคิดเอง บางทีเราก็ไม่รู้ แต่เป็นการคิดโดยที่มีสมาธิระดับสูงคุมอยู่ สมาธิระดับสูงที่คุมอยู่ เป็นการประกันความปลอดภัยให้แก่เรา ว่าจะไม่พลาดหลุดออกไป
ถาม : ถ้าอยู่ในสมถะเข้าฌานเท่าไรก็เป็นตามกำลังที่ถอยออกมา ?
ตอบ : ตอนที่เราถอยมานั่นกำลังของฌานยังคุมอยู่
ถาม : การเข้ามรรคนี่อยู่ในอัปปนาสมาธิ ?
ตอบ : อย่าลืมว่าสมาธิที่เราเข้าต้องเป็นอัปปนาสมาธิ เพราะถ้ากำลังไม่ถึงอัปปนาสมาธิขึ้นไปก็ไม่พอตัดกิเลส ในเมื่อพอตัดกิเลสก็แสดงว่าอยู่ในอัปปนาสมาธิแล้ว ก็คืออยู่ในส่วนของมรรคที่เราจะก้าวไปหาผล
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-12-2013 เมื่อ 17:49
|