ถ้าญาติโยมหลายท่านที่เคยฟังอาตมาบรรยายเกี่ยวกับการปฏิบัติธรรม ซึ่งกล่าวถึงว่าเมื่อร่างกายของเราเปื่อยสลายหมดแล้ว เหลือแต่สภาพโครงกระดูก ไล่ตั้งแต่ศีรษะลงไปถึงปลายเท้า จากปลายเท้าขึ้นมาถึงศีรษะ ประกอบกันขึ้นมาแล้วปล่อยให้สลายตัวลงไป สลายตัวลงไปแล้วประกอบขึ้นมาใหม่ ลักษณะเป็นอนุโลมปฏิโลมอย่างนี้ กล่าวถึงกระดูกแต่ละชิ้นแต่ละส่วนอย่างชัดเจน ขอให้ทุกท่านได้ทราบว่า อัฏฐิกอสุภกรรมฐานนี้ อาตมภาพเรียนมาจากพระอาจารย์ ซึ่งปัจจุบันนี้ก็คือท่านเจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก รูปนี้เอง
ท่านเจ้าพระคุณสมเด็จฯ ร่ำเรียนกรรมฐานจนสามารถใช้งานได้อย่างคล่องแคล่วเหลือเชื่อ ทั้ง ๆ ที่พระองค์ท่านมีพระจริยวัตรอ่อนโยนนุ่มนวล ถ่อมพระองค์อยู่เสมอ แต่ว่าเมื่อถึงคราวฉุกเฉินขึ้นมา ความสามารถทางด้านนี้ของพระองค์ท่านก็สำแดงออกอย่างชัดเจน เมื่อครั้งที่ไฟไหม้ชุมชนข้างวัดบวรนิเวศน์วิหารในปี ๒๕๓๔ พระองค์ท่านกำลังประทับอยู่ยังกุฏิที่พัก คือพระตำหนักคอยท่าปราโมช ซึ่งปัจจุบันก็ต้องเรียกว่าตำหนักสมเด็จพระสังฆราช ทางด้านพระอุปัฏฐากเข้ามาแจ้งพระองค์ท่าน ซึ่งกำลังเจริญพระกรรมฐานอยู่พอดีว่า ให้โยกย้ายไปหลบอยู่ที่ศาลา ๑๕๐ ปีก่อน เพราะว่าไฟไหม้รุนแรงมากอยู่ที่ชุมชนบวรรังษีข้างวัดนี่เอง มีสิทธิ์ที่จะลามข้ามมาถึงในวัดด้วย
ท่านเจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราชในสมัยนั้น รับฟังรายงานด้วยอาการสงบ แทนที่จะเสด็จไปหลบตามที่ได้รับคำแนะนำ พระองค์กลับเสด็จขึ้นไปยังอาคาร สว.ธรรมนิเวศ ที่ถือว่าเป็นอาคารที่สูงที่สุดของวัดบวรนิเวศวิหาร สามารถเห็นเหตุการณ์ไฟไหม้รุนแรงที่ข้างวัดได้ชัดเจนที่สุด พระองค์ท่านสำรวมพระกริยานิ่งไปครู่หนึ่ง เมื่อลืมพระเนตรขึ้นมาก็ยกพระหัตถ์ขึ้นโบก ท้องฟ้าที่แจ่มใสอยู่ ๆ ก็ฝนตกลงมาอย่างหนักทันทีทันใด ฝนตกหนักถึงขนาดว่า ทางรถดับเพลิงใช้รถดับเพลิงหลายคันช่วยกันดับไฟ ยังไม่สามารถที่จะดับไฟได้ แต่ฝนที่ตกด้วยพระบารมีของสมเด็จพระสังฆราช ดับไฟลงอย่างสนิทราบคาบ
ถึงขนาดหนังสือพิมพ์ไทยรัฐเอาไปลงพาดหัวข่าวว่า “อัศจรรย์บารมีสังฆราช เพ่งกสิณไฟสลัมดับทันตา”
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-10-2013 เมื่อ 05:24
|