| 
				  
 
			
			ส่วนที่หก : ภาพรวมในวันงาน
 "วินาทีแรก" ที่ผมเห็นพระอาจารย์เล็กมาถึงบริเวณงาน ผมยอมรับว่า "ใจเต้นตุ๊บ ๆ"
 เพราะยังจัดการอะไรไม่เรียบร้อย โดยเฉพาะพระอาจารย์ท่านแจ้งมาล่วงหน้าว่า
 หากท่านมาถึงเร็ว ท่านจะรับสังฆทานด้วย ซึ่งผมยอมรับว่า ผมไม่ได้วางแผนตรงนี้ไว้
 เพราะเดิมทีตั้งใจให้ทุกคนรวมปัจจัยกันใส่กล่องและถวายครั้งเดียว
 แต่การที่พระอาจารย์รับสังฆทานเอง ก็ช่วยให้บรรยากาศความคุ้นเคยของทุก ๆ คนกลับมา
 
 แถวที่เรียงต่อกันเป็นแนวยาว เป็นภาพที่คุ้นตาสำหรับคนที่ไปร่วมทำบุญที่วัดท่าขนุน
 แต่ก็เป็นภาพที่แปลกตาสำหรับคนที่มาร่วมงานครั้งแรก โดยเฉพาะคนที่เคยพบพระอาจารย์เล็กเป็นครั้งแรก
 ผมคิดในใจว่านี่แหละ "ซูเปอร์สตาร์ตัวจริง" เพราะวันแรกที่ "เจมส์ จิรายุ" มา คนยังไม่มากเท่านี้
 โดยเฉพาะวินาทีที่พระอาจารย์หยิบ "ลูกแก้ว" ออกมาแจก
 
 ผมคิดในใจว่าวันนี้ "พระอาจารย์สงเคราะห์เต็มพิกัด"
 
 ในระหว่างรอ ผมก็มองท้องฟ้าไปเรื่อยเปื่อยและเห็นแสงแดดจ้าจึงคิดว่า "วันนี้ฝนไม่ตกแน่"
 แต่พอชะล่าใจ สักพักเมฆก็เริ่มมา ตอนนั้นพี่ก้านบัวบอกว่า
 
 "ถ้าวันนี้ฝนตก เอ็งตายแน่..!" (คิดแล้วเสียวจริง ๆ)
 หลังจากนั้น พระอาจารย์ท่านก็หยิบคู่มือสวดพระคาถาเงินล้านไปดู
 แล้วท่านก็บอกว่า "ท่านแก้ให้แล้ว แต่ยังมีคนเก่งกว่าท่านอีก ไปแก้กลับจนผิดเหมือนเดิม"
 
 ผมรู้สึกเหมือน "ตายไปหลายรอบในวันนั้น"
 ผมคิดว่า ผมคงส่งไฟล์ผิดไปให้คนจัดหน้าเองครับ
 
 ช่วงนั้นเป็นช่วงเวลาประมาณ ๑๖.๑๕ น. พระอาจารย์ท่านก็นั่งเจริญศรัทธาญาติโยม
 และทีมงานเริ่มเข้าพื้นที่ โดยเฉพาะเสื่อที่พวกเราตั้งใจซื้อมาใช้ในงานนี้โดยเฉพาะ
 และตั้งใจจะนำไปถวายที่วัดท่าขนุนเพื่อใช้ในกิจกรรมของวัดต่อไป
 
 ตอนเริ่มปูเสื่อ "ทิดกวาง" เสนอว่า ควรจะนำรองเท้าไปวางไว้ที่อื่นเพื่อให้เป็นระเบียบ
 ซึ่งในช่วงแรกคนก็ไม่ค่อยทำตามที่แนะนำกัน แต่พอทีมงานขอความร่วมมือและถือรองเท้าไปวางให้
 หลาย ๆ คนก็เริ่มทำตาม จนสุดท้ายคนที่นั่งในเสื่อเกือบทั้งหมดทำตาม
 
 เสียดายที่ผมไม่มีภาพและไม่ได้เห็นภาพรองเท้าวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ
 แต่จากการฟังทีมงานมาเล่าให้ฟัง หลายคนประทับใจภาพรองเท้าวางเรียงกันมาก
 เพราะไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำให้คนส่วนใหญ่ทำในทิศทางเดียวกัน และเราไม่ได้ใช้ไมโครโฟนในการบอก
 แต่การที่คนส่วนใหญ่ทำตามเพราะเขาคิดว่าเป็นเรื่องที่ดีและคนส่วนใหญ่เขาทำกัน
 
 ถึงตรงนี้ผมนึกถึงคำที่พระอาจารย์เล็กสอนอยู่เสมอในการบวชเนกขัมมะ คือ
 "พวกเรา (คนที่ไปบวช) เป็นพวกทวนกระแสโลก คือ แทนที่จะไปกินไปเที่ยวเหมือนคนอื่น
 กลับหันหน้าเข้าวัดและมาปฏิบัติธรรม"
 
 เวลาประมาณ ๑๗.๒๐ น. คนเริ่มมามากขึ้น และผมเริ่มมั่นใจว่า "คนคงเต็มพื้นที่พอดี"
 แต่ผมก็ประเมินผิดเพราะเมื่อถึงเวลาจริง คนมามากจน "ล้นพื้นที่" ออกไปบริเวณข้างนอก
 บรรยากาศตอนนั้นผม "เริ่มจะชุลมุน" เพราะคนมามากจริง ๆ
 
 แล้วสุดท้ายในความวุ่นวายทั้งหมด พระพิรุณท่านก็โปรยฝนลงมา
 ตอนแรกหลายคนนั่งสู้ฝน แต่ฝนตกลงมาแรงจริง ๆ จนสุดท้ายก็ต้องหลบฝน
 แต่คนที่มีร่มและเสื้อกันฝนก็เสื้่อกันฝนก็นั่งลุยฝนต่อไป จนสักพักฝนก็หยุดและตกปรอย ๆ
 
 ตอนฝนตก "หัวใจผมหล่นลงไปถึงตาตุ่ม ในใจคิดว่าตายอีกรอบแล้วตู"
 
				__________________ร่วมรณรงค์การใช้ภาษาไทยให้ถูกต้อง เริ่มต้นได้ด้วยตัวคุณเอง
 
				 แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-11-2013 เมื่อ 02:25
 |