ส่วนที่ห้า : การเตรียมพื้นที่ (วันงาน)
วันอาทิตย์ (๑๕) ก่อนวันงาน ๑ วัน ผมได้ไปร่วมงานในพิธีเปิดและดูพื้นที่จริง ซึ่งภาพที่เห็น คือ พื้นที่เล็กกว่าที่คิดไว้ แถมในวันเปิดงานคนก็ไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก ส่วนหนึ่งเพราะคนไม่ทราบว่าเป็นงานอะไร แถมฝนยังตกอีกด้วย ผมจึงวางแผนว่า ในวันจันทร์ผมจะรีบมาพื้นที่งานก่อนบ่ายโมงให้ได้
เย็นวันนั้นผมได้รับข้อความจากพระอาจารย์ว่า
"ช่วยไปจุดธูปขอกับพระพรหมเอราวัณ ขอให้ฝนหยุดตั้งแต่บ่ายโมงถึงสามทุ่ม เพื่อจะได้ทำบุญใหญ่ร่วมกัน และขอให้ท่านโมทนาบุญทุกอย่างในวันนี้ด้วยจ้ะ"
ตอนนั้นผมเริ่มคิดแล้วว่า "ผมไปไม่ทันบ่ายโมง" เพราะช่วงเช้าต้องวิ่งรอกไปงานสัมมนา ๒ ที่ จึงขอให้พี่ ญ.ผู้หญิงช่วยดำเนินการแทน และบอกพี่หญิงว่าให้ "ถวายนางรำชุดใหญ่" ด้วย
******************
ในวันงานผมนัด Staff ไว้ประมาณบ่ายสอง (ชุดแรก) และบ่ายสี่ (ชุดสอง) โดยวินาทีแรกที่ผมเห็นเต็นท์ปะรำพิธี คือ
"ขยะเพียบ" และเก้าอี้ที่เปียกน้ำเนื่องจากฝนตกเมื่อวาน
สิ่งแรกที่ผมทำ คือ ไปถามทหารที่ดูแลพื้นที่ว่า ไม่มีคนจัดโต๊ะเก้าอี้ให้หรือ คำตอบ คือ
"ไม่มี" ซึ่งเป็นเรื่องที่ผมคาดการณ์ไว้แล้ว แต่ไม่เป็นไร
"ยังมีเวลา" ตอนนั้นมีน้องมาถึงพื้นที่ประมาณ ๔ คน
สิ่งแรกที่ทำ คือ จัดปะรำพิธีใหม่ เพราะเดิมทีผู้จัดฯ หันเก้าอี้ไปทางโต๊ะหมู่ ผมจึงหันหน้าโซฟาออกด้านหน้าแทน เพื่อให้ทุกคนสามารถเห็นพระอาจารย์ได้และด้วยความหวังดีของผม ผมได้บอกให้น้อง ๆ ช่วยยกโซฟาออกมาหน้าเต็นท์เล็กน้อย เพื่อที่คนที่อยู่ไกลจะได้เห็นพระอาจารย์ได้ เพราะถ้าจัดไว้ในเต็นท์ คนจะมองไม่เห็นท่าน (แต่การจัดโซฟาไว้ด้านนอก สุดท้ายก็ทำให้พระอาจารย์ท่านเปียกจนได้..!)
หลังจากจัดโซฟาเสร็จ ผมก็มองหาโต๊ะสำหรับวางของ เพราะเตรียม DVD ธรรมะ ๒,๐๐๐ แผ่น พร้อมธงชัยเกราะแก้วสารพัดนึก (พร้อมจีวร ๑๗ ปีพระอาจารย์เล็ก) มาแจกอีก ๑,๐๐๐ ชุด แต่ปรากฎว่า
"ไม่มี" ทั้ง ๆ ที่ผู้จัดฯ รับปากว่าจะหาโต๊ะให้ ๑๐ ตัว
ผมเดินไปถามทหารว่า "เจ้าหน้าที่ของผู้จัดฯ (ขอสงวนชื่อ)" มาหรือยัง ? ทหารบอกว่า
"ยังครับ แต่เดี๋ยวคงจะมา" ตอนนั้น ผมเริ่มหงุดหงิดแล้ว เพราะสิ่งที่ประสานไว้เบื้องต้น
"ผิดพลาดไปหมด" แต่พอมองท้องฟ้าแล้วก็หายหงุดหงิด เพราะ "ฟ้าเปิด แดดออก" (ในใจคิดว่า วันนี้ฝนไม่ตกแน่)
ว่าแล้วก็ชวนน้อง ๆ เดินไปหาที่แขวนป้ายไวนิลขนาดใหญ่ (ซึ่งพวกเราออกแบบกันเอง และจ่ายเงินค่าผลิตเอง) แต่ก็ยังหาที่แขวนไม่ได้
ถึงตรงนี้ผมอยากจะบอกทุกคนว่า
แม้พระอาจารย์เล็กท่านจะไม่เห็นหน้างาน แต่ท่านได้บอกให้ผมเตรียมป้ายไวนิลงานฉลอง ๑๐๐ ปีสมเด็จพระสังฆราชฯ มาด้วย ซึ่งสิ่งที่ผมมาเห็นก็คือ ไม่มีป้ายบอกว่างานอะไรเลย "แปลกดีเหมือนกัน"
สักพักพี่โต (นวศรี) และน้องโอก็ตามมาสมทบและช่วยกันติดตั้งป้ายไวนิล ส่วนน้องเอกก็มาได้จังหวะพอดี ผมจึงให้น้องเอกช่วยไปตามเจ้าหน้าที่ของห้างมากวาดขยะในเต็นท์ปะรำพิธีและในบริเวณงาน
ถึงตรงนี้ผมเริ่มเบาใจเพราะ Staff เริ่มมาประจำที่ และผมก็ไปยกโต๊ะจากเต็นท์อื่นมาใช้ก่อน เพราะเจ้าหน้าที่ของผู้จัดฯ บอกว่า
"ใช้ได้" จากนั้นเสื่อ ๓๐ ผืนก็ทยอยมา น้ำดื่ม ๖๐๐ ขวดก็ทยอยมา ขนมปังก็ทยอยมา และทีมจัดโต๊ะหมู่ก็มาพร้อม ซึ่ง
พระอาจารย์อภิวิชญ์ อภิชโย ท่านได้เมตตามาจัดโต๊ะหมู่ให้ด้วย
(ในส่วนนี้ต้องขอบคุณคุณโยและทีมงานมากครับ)
พอทุกอย่างเริ่มเข้าที่ ผมเห็นว่าเรามีของมาส่งเรื่อย ๆ ตรงทางขึ้น ซึ่งเป็นวินจักรยานยนต์รับจ้าง ผมจึงใช้วิธี
"ดึงคนเหล่านี้มาเป็นพวก ซึ่งวิธีง่าย ๆ คือ เราต้องมีน้ำใจกับพวกเขาก่อน"
ผมเดินไปขอขนมปังและน้ำดื่มจาก Staff ที่เต็นท์ ผมบอกว่า "ขอเอาไปให้พี่วินมอเตอร์ไซค์นะครับ" ผมหยิบขนมปังใส่ถุงขนาดใหญ่พร้อมน้ำดื่มไปให้พี่ ๆ วินมอเตอร์ไซค์ และบอกว่า
"ผมเอามาให้ครับพี่ มีของมาส่งบ่อย รบกวนพวกพี่นิดหนึ่งนะครับ"
ผมคิดว่า "งานในวันนี้" จะต้องไม่เกิดโทษกันใคร และผมไม่อยากให้ใครมาตำหนิว่า
"พวกเรามาทำให้พวกเขาหรือคนอื่นเดือดร้อนจากการจัดงาน"
สิ่งที่เกิดขึ้น คือ พี่ ๆ วินมอเตอร์ไซค์ช่วยกันโบกรถให้เรา แถมช่วยขนของไปไว้ที่เต็นท์ (ช่วงหลังพวกพี่ ๆ ช่วยยกลังน้ำแข็งขนาดใหญ่ให้ด้วย และที่น่าดีใจ คือ แม้พวกเขาจะมีเงินไม่มาก แต่เขาก็ควักแบงค์ยี่สิบหรือเหรียญสิบบาท วิ่งไปถวายสังฆทานกับพระอาจารย์เล็กด้วย)
ผมมองภาพที่ทุกคนช่วยกันทำงานแล้ว ทุกคนดูมีความสุขดีและผมคิดว่าคงเตรียมงานได้ทันห้าโมง แต่ผมก็ดีใจได้พักเดียว เมื่อมีสายรายงานมาว่า "พระอาจารย์ขึ้น BTS ออกมาแล้ว" ตอนนั้นเวลาประมาณบ่ายสาม เมื่อผมได้ข่าวมา
ผมแทบจะเป็นลม ...๕๕๕... เพราะพระอาจารย์จะต้องมาถึงงานภายใน ๔๕ นาทีแน่ ๆ
ผมบอกทีมงานว่า "งานเข้าแล้ว" พระอาจารย์มาก่อนกำหนด แต่ลึก ๆ ก็แอบดีใจ เพราะว่าอย่างน้อยหากผมจัดพื้นที่ไม่เหมาะสม ท่านคงให้คำแนะนำได้
ผมคิดในใจว่า
"งานนี้ไม่มีอะไรจะเสีย เพราะผมถือว่าผมตายตั้งแต่วันที่นิมนต์พระอาจารย์แล้ว" คำว่า "ตาย คือ พร้อมตาย" เพราะปกติหากผมไป "เสือกรับทำงานใหญ่ ๆ" ผมมักจะโดนเล่นงานหนักอยู่เสมอ