ส่วนที่สี่ : การประชาสัมพันธ์งาน
ในการประชาสัมพันธ์งาน ผมมีเวลาเพียง ๓ สัปดาห์ และผมรู้ว่างานวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๕๖ จัดหลังบวชเนกขัมมะฯ ของวัดท่าขนุน
ดังนั้น
ต้องรีบแจ้งวันและเวลาให้คนอยู่ไกลได้วางแผนการเดินทาง
ปัญหาของผมคือ ช่องทางหลักที่ผมมีคือเว็บพลังจิต ซึ่งโดนนักค้าโดเมนระดับโลกแย่งลิขสิทธิ์ไปแล้ว แม้จะมีช่องทางใหม่ให้เข้าเว็บได้
แต่สถิติคนเข้าเหลือเพียง ๑ ใน ๑๐ ของเมื่อก่อน
ดังนั้น
ช่องทางหลักที่ผมมีคือเฟซบุ๊ก (ผมมีเพื่อนในเฟซบุ๊ก ๔,๙๐๐ คน และมีเพื่อนในแฟนเพจของเฟซบุ๊กอีก ๖,๐๐๐ คน)
ถึงตรงนี้ผมคิดถึงคำของพระอาจารย์เล็กที่เคยกล่าวว่า
"อีเมล์ เฟซบุ๊ก ไลน์ เป็นเครื่องมือของมาร เพราะทำให้เรามีหลายขันธ์ตามชื่อที่เรามี แต่ถ้าเราใช้ให้เกิดประโยชน์ในการบุญได้ก็จะกลายเป็นของดี"
ถึงตรงนี้ผมมั่นใจแล้วว่า ผมมีระบบกิจกรรม (เป็นระบบในเฟซบุ๊กที่ให้เราจัดกิจกรรมและชวนเพื่อนเข้าร่วมได้
ดังนั้นผมจึงส่งจดหมายเชิญเพื่อนประมาณ ๓,๘๐๐ คนให้เข้าร่วมกิจกรรมนี้)
ผมจึงเริ่มทำแบนเนอร์ขึ้นมา โดยไปหารูปพระปัจเจกพุทธเจ้าทองคำมาเป็นประธานตรงกลาง จากนั้นก็มีพระคาถาเงินล้านอยู่ตรงกลาง
มีรูปหลวงปู่ปาน และหลวงพ่อฤๅษี จากนั้นมีรูปพระอาจารย์เล็กอยู่ล่างสุด
พอผมได้โพสต์ในเฟซบุ๊กว่า พระอาจารย์เล็กเป็นประธานนำสวดพระคาถาเงินล้าน ๑๐๐ จบ (มีคนกดแชร์มากกว่า ๖๐๐ ครั้ง)
วันนี้ (๑๙ ก.ย. ๕๖) ผมเพิ่งคิดได้ว่า พระปัจเจกพุทธเจ้าที่วัดพ่อเรานั้น พระ ๓ รูป เป็นต้นคิดที่จะสร้าง แต่มีคนขวาง
สุดท้ายหลวงพ่อฤๅษีก็ต้องรับไปสร้างเอง ต่อมาหลวงตาวัชรชัยได้สร้างพระปัจเจกพุทธเจ้าทองคำที่วัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์)
และพระอาจารย์เล็กมีแผนจะสร้างพระปัจเจกพุทธเจ้าเนื้อเงิน (องค์ใหญ่ด้วย)
ตอนประชาสัมพันธ์ ผมฝากพี่โตกราบเรียนนิมนต์หลวงตาวัชรชัยมาด้วย แต่หลวงตาท่านเมตตาบอกว่า
"หลวงตาอายุมากแล้ว งานนี้ต้องให้ท่านเล็ก เพราะท่านยังหนุ่มยังแน่น"
แม้หลวงตาจะไม่ได้มาเอง แต่ลูกหลานหลวงตาก็ยกขบวนมาช่วยงานกันเต็มที่ครับ โดยเฉพาะพี่โต พี่แอนนี่ คุณโย และหลาย ๆ ท่านที่เป็นแม่งานใหญ่