"ถ้าไปดูเรื่องของไกรทอง ไกรทองอย่างเก่งก็สูงไม่เกิน ๔ ศอก ก็วาหนึ่งใช่ไหม ? ชาละวันเป็นไอ้เข้ยักษ์ยาวตั้ง ๙ วา ๑๘ เมตรนะจ๊ะ เรือหางยาวยังสั้นกว่าเลย ถ้าไม่มีความเชื่อมั่นในวิชาความรู้ที่ครูบาอาจารย์ถ่ายทอดมาใครจะไปกล้า แต่ไกรทองไปลอยแพ เสกคาถาเรียกชาละวันขึ้นมา เป็นเรากล้าไหม ? อยู่ห่างฝั่งสัก ๑๐๐ เมตรดีกว่า เรื่องอะไรจะลงไปอยู่กลางน้ำ ไกรทองมองเห็นตะเข้ใหญ่ รุกไล่โบกหางวางร่า บนฝั่งทะลึ่งทะลั่งเป็นโกลา ก็รู้ว่ากุมภาชะลาวัน รู้ว่าตัวแสบมาแล้ว กินหมอตะเข้ไปเป็นสิบแล้ว
ไกรทองแทนที่จะกลัว ไม่ได้กลัวเลย จ้องชะงักยักคอหัวร่อคิก ถกผ้าขยิกขยิกไม่มีพรั่น โอมอ่านโองการอาจารย์พลัน เป่ากระฉอกระลอกลั่นประจักษ์ตา ความมั่นใจทำให้จิตเกิดสมาธิเกิดพลัง เสกคาถาก็เห็นผลทันตาเลย คราวนี้โดนชาละวันเกยแพล่ม ตัวเองจมน้ำ..เสร็จเขาแน่ ๆ ปรากฏว่าไกรทองไม่หนี ถ้าหนีก็ตาย..ลักษณะเดียวกับคนถือดาบถืออาวุธ ถ้าหันหน้าสู้โอกาสรอดยังมี แต่ถ้าวิ่งหนีโอกาสตายเกินร้อย..!
เขาบอกว่า ไกรทองเข้าชิดติดชนัก อยู่ห่างไม่ได้ อยู่ห่างจระเข้ได้เปรียบ แต่พอเข้าใกล้ตัวเองถือหอกยาวกลับเสียเปรียบ ไกรทองเข้าชิดติดชนัก จมน้ำสำลักไม่ยักหนี ทิ้งชนักควักมีดกรีดกุมภีล์ เชื่อดีต่อสู้ไม่รู้รา
เชื่อดี คือเชื่อในความรู้ที่ครูบาอาจารย์สอนมา เชื่อในความสามารถที่ตนเองฝึกฝนมา เชื่อในคุณความดีของครูบาอาจารย์ว่าปกป้องคุ้มครองตัวเองได้ ตรงนี้ไปตรงกับเวสารัชชกรณธรรม ที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสเอาไว้ว่า ธรรมที่ทำให้คนกล้า มีศรัทธา ศีล วิริยะรัมภะ พาหุสัจจะ สติ ปัญญา
แต่ว่าตัวศรัทธา คือความเชื่อมั่น ท่านบอกว่าความเชื่อมั่นประกอบไปด้วยความเชื่อมั่นในคุณพระรัตนตรัย ว่าพระรัตนตรัยดีจริง เป็นที่พึ่งกำจัดทุกข์กำจัดภัยได้จริง ๆ เชื่อมั่นในคุณครูบาอาจารย์ เชื่อมั่นในสิ่งศักดิ์สิทธิ์และเชื่อมั่นในตัวเอง"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-09-2013 เมื่อ 02:24
|